BUSINESS

ยุโรป แอสซิสแทนซ์ ประกาศเข้าซื้อธุรกิจให้บริการช่วยเหลือของแอกซ่า

ยุโรป แอสซิสแทนซ์ ประกาศเข้าซื้อธุรกิจให้บริการช่วยเหลือของแอกซ่า พาร์ทเนอร์สทั่วเอเชียแปซิฟิก พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์ขยายกิจการในภูมิภาค

ยุโรป แอสซิสแทนซ์ (Europ Assistance) ประกาศเข้าซื้อธุรกิจให้บริการช่วยเหลือ (Assistance Business) ภายใต้กิจการของแอกซ่า พาร์ทเนอร์ส (AXA Partners)1 ในประเทศมาเลเซีย ไทย ญี่ปุ่น ฮ่องกง และไต้หวัน ซึ่งนับเป็นเครื่องยืนยันว่าภูมิภาคนี้มีความสำคัญต่อกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทเป็นอย่างยิ่ง

“ยุโรป แอสซิสแทนซ์ เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำในยุโรป กลุ่มประเทศลาตินอเมริกา และอเมริกาเหนือ และเราได้เร่งเครื่องเพื่อขึ้นมาเป็นหนึ่งในบริษัทแถวหน้าของเอเชีย ด้วยการเข้าซื้อกิจการต่าง ๆ รวมถึงลงทุนกับส่วนงานอื่น ๆ ในช่วงที่ผ่านมา พร้อมเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจระดับโลกของเราที่ให้บริการหลายประเภทผ่านหลายช่องทาง” มร. อันทอน ปาริซี (Mr. Antoine Parisi) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำ ยุโรป แอสซิสแทนซ์ กรุ๊ป กล่าว

ก่อนหน้านี้  ยุโรป แอสซิสแทนซ์ ดำเนินธุรกิจอยู่ในประเทศจีน อินเดีย และหมู่เกาะเฟรนช์โปลินีเซียและได้เริ่มเปิดสำนักงานในประเทศไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ รวมถึงเข้าซื้อบริษัทในเครือของ แมปเฟรอ แอสซิสแทนเชีย (Mapfre Assistencia) ในออสเตรเลียและตะวันออกกลางตั้งแต่ปีพ.ศ. 2562 เป็นต้นมา

มร. ปาสคาล บาวมการ์เทน (Mr. Pascal Baumgarten) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่าย Mobility & International ประจำ ยุโรป แอสซิสแทนซ์ กรุ๊ป เสริมว่า “การเข้าซื้อกิจการของแอกซ่า พาร์ทเนอร์ส (AXA Partners) จะช่วยวางรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับการทำธุรกิจในประเทศไทยและมาเลเซียของเรา อีกทั้งยังเป็นใบเบิกทางสู่ฮ่องกง ไต้หวัน และการกลับเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย อีกทั้งในทุก ๆ ประเทศดังกล่าว เราจะสามารถให้บริการช่วยเหลือที่มีความครอบคลุมแก่ลูกค้าในพื้นที่ (การเดินทาง การสัญจร การช่วยเหลือส่วนบุคคล) และพัฒนาส่วนงานด้านการประกันการเดินทางทั่วโลกร่วมกับพันธมิตรในเอเชียและคู่ค้าจากทุกที่
ที่ต้องการจะขยายธุรกิจเข้าสู่ภูมิภาคนี้”

มร. ฟิลลิป เดแมนกีท (Mr. Philippe Demangeat) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของ ยุโรป แอสซิสแทนซ์ กรุ๊ป กล่าวว่า “หลังจากที่ได้เปิดสำนักงานในกรุงเทพฯ ไปเมื่อปีพ.ศ. 2563 และในกัวลาลัมเปอร์ รวมถึงสิงคโปร์ในปีพ.ศ. 2564 ตอนนี้นับเป็นโอกาสที่เราจะได้เร่งมือเพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำในการให้บริการช่วยเหลือชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บนแพลตฟอร์มแบบหลายช่องทางที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลในการส่งมอบโซลูชันใหม่ที่มีความหลากหลาย”