หยุดชอปปิงไม่ได้ สัญญาณอันตรายของโรคเสพติดการชอปปิง
บทความ: หยุดชอปปิงไม่ได้ สัญญาณอันตรายของโรคเสพติดการชอปปิง
การชอปปิงในออนไลน์ หรือออฟไลน์ถือเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของใครหลายคนแต่ถ้าชอปจนหยุดตัวเองไม่ได้ ซื้อของเกินความจำเป็น จนเกิดปัญหาหนี้สิน กระทบต่อความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว ซึ่งอาการเหล่านี้อาจเข้าข่ายเป็น Shopaholic หรือ โรคเสพติดการชอปปิงโดยไม่รู้ตัว
แพทย์หญิงอริยาภรณ์ ตั้งชีวินศิริกูล จิตแพทย์โรงพยาบาลBMHH- Bangkok Mental Health Hospital กล่าวว่า Shopaholic หรือ โรคเสพติดการชอปปิง เป็นโรคทางสุขภาพจิตประเภทหนึ่ง ซึ่งผู้ที่เป็นโรคนี้จะเสพติดการซื้อของโดยที่ไม่คำนึงถึงสถานะทางการเงินของตัวเอง และมีความอยากจะไปชอปปิงอยู่ตลอดเวลาโดยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จนทำให้เกิดปัญหาตามมา เช่น ปัญหาหนี้สิน ปัญหาความสัมพันธ์จนต้องทะเลาะกับคนในครอบครัว บางครั้งซื้อมาแล้วต้องโกหกคนในครอบครัวว่ามีคนให้มา หรือบอกราคาที่ถูกกว่าราคาจริงที่ซื้อ ซึ่งโรคนี้พบได้ตั้งแต่วัยรุ่นขึ้นไปทั้งเพศหญิงและเพศชาย
9 พฤติกรรมที่เข้าข่ายการเป็น Shopaholic
- อยากซื้อของตลอดเวลา
- ซื้อของเกินความจำเป็น
- ยับยั้งพฤติกรรมการชอปปิงของตัวเองไม่ได้
- มีความรู้สึกดีเมื่อได้ซื้อของ โดยมักจะรู้สึกดีได้แค่ช่วงเวลาสั้นๆ
- รู้สึกผิดหลังจากที่ซื้อมาแล้ว
- ซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้
- ซื้อซ้ำๆ ทั้งที่มีอยู่แล้วหลายชิ้น
- ต้องหลบซ่อนหรือโกหกปกปิดเวลาซื้อของนั้นๆ
- มีปัญหาด้านอื่นๆ เกิดขึ้นตามมา เช่น เกิดปัญหาหนี้สิน ปัญหาความสัมพันธ์ เป็นต้น
โรคเสพติดการชอปปิง เกิดได้ทั้งปัจจัยส่วนบุคคล และปัจจัยทางสังคม ซึ่งสาเหตุที่มาจากปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ มีภาวะซึมเศร้า ภาวะวิตกกังวล ขาดความภาคภูมิใจในตัวเอง มีปัญหาในการควบคุมตัวเองหรือยับยั้งชั่งใจ ส่วนปัจจัยทางสังคม เช่น การซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ รวมไปถึงการใช้บัตรเครดิตในการซื้อของไปก่อนโดยยังไม่ต้องใช้เงินสด สิ่งเหล่านี้ล้วนมีส่วนกระตุ้นให้เกิดการเสพติดชอปปิงได้ง่ายกว่าเมื่อก่อน
โรคเสพติดการชอปปิง สามารถรักษาให้หายได้ โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการเปลี่ยนทัศนคติ เช่น การจำกัดวงเงินบัตรเครดิตหรืองดใช้บัตรเครดิต โดยส่วนใหญ่แล้วจิตแพทย์จะรักษาด้วยการบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavioural Therapy: CBT) ซึ่งจะเป็นการพูดคุยให้คำปรึกษา เพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของการมีพฤติกรรมโรคเสพติดการชอปปิง จากนั้นจึงทำการปรับเปลี่ยนความคิด ปรับพฤติกรรม เพื่อให้ผู้รับคำปรึกษาเข้าใจตัวเองและปรับเปลี่ยนนิสัยการเสพติดการชอปปิงได้ เช่น หากใช้การชอปปิงเป็นการระบายความเครียด ก็อาจจะหาวิธีระบายความเครียดวิธีอื่นๆ ที่ไม่ส่งผลเสียต่อตัวเอง หรือถ้ามีภาวะซึมเศร้าร่วมด้วย ก็ต้องรักษาควบคู่กันไป
สำหรับการป้องกันโรคเสพติดการชอปปิง ต้องเริ่มจากการวางแผนการใช้จ่าย จดบันทึกรายรับรายจ่าย หลีกเลี่ยงการใช้จ่ายเกินตัว, หากิจกรรมอื่นๆ ทำยามว่าง แทนการชอปปิง เช่น ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ ออกไปสังสรรค์กับเพื่อน, ฝึกฝนการควบคุมตัวเอง และหลีกเลี่ยงสื่อโฆษณา การตลาดที่กระตุ้นให้ซื้อของ
อย่างไรก็ตาม หากพบว่าตัวเองหรือคนใกล้ตัวมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเป็นโรคเสพติดการชอปปิงควรเข้ามาปรึกษาจิตแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างเหมาะสม
แพทย์หญิงอริยาภรณ์ ตั้งชีวินศิริกูล
จิตแพทย์โรงพยาบาลBMHH- Bangkok Mental Health Hospital