เปิดเรื่องเล่าจากครัวเพชรบุรี สู่การต่อยอด “รสเพ็ดรี” ในรูปแบบสุดพิเศษ
เปิดเรื่องเล่าจากครัวเพชรบุรี สู่การต่อยอด “รสเพ็ดรี” ในรูปแบบการสร้างประสบการณ์มื้ออาหารสุดพิเศษ ที่สายฟู้ดเลิฟเวอร์ต้องห้ามพลาด
หากพูดถึง “เพชรบุรี” หรือ “เพ็ดรี” สิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กับสถานที่ท่องเที่ยว ก็คือ “อาหาร” ที่หลายคนอาจมีภาพจำว่า ‘เมืองสามรส’ ด้วยความโดดเด่นของ ‘รสหวาน’ จากน้ำตาลโตนดของดีเมืองเพชรบุรี จากอำเภอบ้านลาด ‘รสเค็ม’ เข้มข้นจากเกลือสมุทรในนาเกลือติดทะเลของอำเภอบ้านแหลม ไปจนถึง ‘รสเปรี้ยว’ ที่เติมความสดชื่นจี๊ดจ๊าดให้อาหารทุกจานจากอำเภอท่ายาง แต่ในความเป็นจริงแล้ว เสน่ห์ทางด้านอาหารของเพชรบุรีนั้นมีมากกว่าที่คุณคิด แต่เป็นขุมทรัพย์แห่งวัฒนธรรมอาหารที่สะท้อนรสชาติและวัตถุดิบที่หลากหลายที่ชวนให้มาสัมผัสเสน่ห์ที่ซ่อนเรื่องราวมากมายไว้ในทุกจาน ไปกับงาน “รสเพ็ดรีสุกี้สายพาน” ตอน “รสเพ็ดรี มีดีอยากอวดดดด” ที่สะท้อนเรื่องราวของอาหารที่เสิร์ฟมาทางสายพานแห่งวัฒนธรรมการกินร่วมสมัย พร้อมสัมผัสความอร่อยแบบเอ็กคลูซีฟที่ชวนทุกคนมาลิ้มลอง ได้ตั้งแต่วันที่ 18 – 22 กันยายน 2567 ณ ร้านหยวน หยวน สุกี้หม่าล่าสายพาน อาคารเคเบิ้ลคาร์ พระนครคีรี จังหวัดเพชรบุรี
มรดกของครัวเมืองเพชรบุรี “เมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร” ขององค์การยูเนสโก
“อาหารเพชรบุรี” เต็มไปด้วยเรื่องเล่ามากมายซ่อนอยู่ในทุกเมนู ตั้งแต่วัตถุดิบไปจนถึงวิธีการปรุงอาหารที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันยาวนานที่ทำให้เกิดการผสมผสานวัฒนธรรมของอาหารจากหลายชาติพันธุ์ทั้งชาวไทย จีน มุสลิมและมอญ ที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคนทั้งจากชาววังและชาวบ้าน ทำให้ครัวเมืองเพชรมีเสน่ห์ชวนค้นหาในทุกจาน ไม่ว่าจะเป็น ข้าวแช่ แจ่วด้าน ซอสน้ำแดง หรือก๋วยเตี๋ยวน้ำแดง รวมไปถึงของหวานขึ้นชื่ออย่างขนมหม้อแกง ซึ่งล้วนมีรสชาติเฉพาะตัวที่ดึงดูดฟู้ดเลิฟเวอร์ให้เข้ามาสัมผัสรสชาติที่ไม่เหมือนใครของ “เพ็ดรี”
นอกจากความโดดเด่นทางด้านรสชาติที่หลากหลายแล้ว เพชรบุรียังเป็นจังหวัดที่อุดมไปด้วยวัตถุดิบธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ตั้งแต่น้ำตาลโตนด เกลือสมุทร มะนาวแป้น ไปจนถึงพริกกระเหรี่ยงและอาหารทะเลสด ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นรากฐานสำคัญของอาหารคาวหวานที่หลากหลายและมีรสชาติที่โดดเด่น และที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้น คือ คนในท้องถิ่นต่างมีทักษะด้านการทำอาหารอย่างลึกซึ้ง มีสูตรลับเฉพาะตัวในแต่ละพื้นที่ ทำให้จังหวัดเต็มไปด้วยร้านอาหารและขนมชื่อดัง ตลอดจนยังมียังมีสถาบันการศึกษาด้านอาหารที่ช่วยสืบทอดภูมิปัญญาส่งต่อรุ่นสู่รุ่นต่อยอดความรู้ด้านอาหารอย่างยั่งยืน
ด้วยความโดดเด่นเหล่านี้ที่ทำให้ เพชรบุรีได้รับการคัดเลือกให้เป็น “เมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร”(City of Gastronomy) ภายใต้เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก (UNESCO Creative Cities Network: UCCN) ในปี 2564 ซึ่งเป็นการยืนยันถึงศักยภาพด้านอาหารของจังหวัดในระดับสากลนำมาซึ่งความภาคภูมิใจของชาวเพชรบุรี และโอกาสในการเชื่อมต่อองค์ความรู้ระหว่างประเทศเครือข่ายให้กับผู้ประกอบการด้านอาหารในพื้นที่ อันจะส่งผลให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจและกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กับท้องถิ่น
“รสเพ็ดรี” รสชาติที่มากกว่าที่คุณคิด
เพราะ “รสเพ็ดรี” เป็นมากกว่า “อาหารเมืองเพชร” ที่หลายคนคุ้นเคย ที่ไม่ได้หมายความถึงรสชาติอาหารเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่ครอบคลุมถึงประสบการณ์การกินอาหารของคนเพชรบุรีที่มีความหลากหลาย สามารถต่อยอดสู่อาหารรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการนำวัตถุดิบท้องถิ่นมาผสมผสานภูมิปัญญาหลากชาติพันธุ์ และวัฒนธรรมการปรุงอาหารชั้นเลิศ สร้างสรรค์ให้เกิดเมนูอาหาร หรือรูปแบบการกินใหม่ ๆ ที่ช่วยเพิ่มมูลค่า สอดรับกับรสนิยมสากล และยังคงสะท้อนจุดเด่นทางวัตถุดิบและรสชาติของเพชรบุรี รวมถึงช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการต่อยอดให้กับเมืองแห่งอาหารได้เป็นอย่างดี “รสเพ็ดรี” จึงช่วยขับเคลื่อนให้อาหารเพชรบุรีเป็นมากกว่าแค่เมืองอาหารทั่วไป แต่เป็นเมืองที่สะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์ทางด้านอาหารที่สืบทอดจากอดีตสู่ปัจจุบัน และยังคงเจริญเติบโตและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทั้งในและนอกพื้นที่อย่างไม่หยุดยั้ง
CEA ร่วมกับ จังหวัดเพชรบุรี ต่อยอด“รสเพ็ดรี” สู่ “สายพาน” อาหารสร้างสรรค์
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ในฐานะหน่วยงานร่วมขับเคลื่อนเมืองสร้างสรรค์ จังหวัดเพชรบุรี ภายใต้เครือข่ายสมาชิกเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก (UNESCO Creative Cities Network: UCCN) ร่วมกับสำนักงานจังหวัดเพชรบุรีและสภาอุตสาหกรรมเพชรบุรี ได้ร่วมต่อยอดอัตลักษณ์ของอาหารเมืองเพชร ให้เกิดเป็น “รสเพ็ดรี”” ที่สามารถร่ายยาวได้เป็น “สายพาน” แห่งวัฒนธรรมการกินร่วมสมัย ตอน “รสเพ็ดรี มีดีอยากจะอวดดดดด” ที่จะบอกเล่าเรื่องราวความโดดเด่นและความพิเศษเฉพาะตัวที่หลากหลายมากมายของอาหารเพชรบุรี
ดร.ชาคริต พิชญางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เปิดเผยว่า “งาน “รสเพ็ดรี สุกี้สายพาน” CEA มีความตั้งใจที่จะขับเคลื่อนเพชรบุรีในฐานะเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารขององค์การยูเนสโก อย่างเต็มรูปแบบ ร่วมกับสำนักงานจังหวัดเพชรบุรีและสภาอุตสาหกรรมเพชรบุรี โดยต้องการสร้างภาพจำใหม่ให้กับอาหารและรสชาติของเมืองเพชรบุรี ผ่าน ‘สายพาน’ แห่งวัฒนธรรมอาหารที่จะนำพาของดีมาให้ทุกคนได้ลิ้มรส รวมทั้งยังมัดรวมเอกลักษณ์ เรื่องราวของจังหวัด และแนะนำของดีที่หลากหลายของอาหารเมืองเพชรบุรีไว้ เสมือนได้ท่องเที่ยวทั่วทั้งจังหวัดผ่านมุมมองด้านอาหาร เพื่อสร้างความภาคภูมิใจและความรู้สึกเป็นเจ้าของให้กับคนเพชรบุรี พร้อมทั้งกระตุ้นการบริโภคอาหารท้องถิ่น
“เราตั้งใจให้งานนี้เป็นมื้ออาหารสุดพิเศษของจังหวัด ที่ทุกคนสามารถมามีส่วนร่วมสร้างประสบการณ์ร่วมกันทั้งจากการชิมการชม และการดมกลิ่นที่อบอวลไปด้วยอาหารรสแม่ โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ และคนในพื้นที่ และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่างานนี้จะเป็นกิจกรรมพัฒนาต้นแบบการนำเสนออาหารเพชรบุรีที่จะกลายเป็นอัตลักษณ์ใหม่ประจำจังหวัด และสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ที่เชื่อมโยงทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค และนักลงทุนให้เห็นถึงความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นของเทรนด์ทางด้านอาหาร นอกจากนี้ งานนี้ออกแบบมาเพื่อทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่ที่อาจยังไม่คุ้นเคยกับรสชาติดั้งเดิม คนรุ่นเก่าที่เราอยากให้เปิดใจกับการต่อยอดใหม่ ๆ ผู้ประกอบการด้านอาหารที่จะได้แรงบันดาลใจในการใช้วัตถุดิบท้องถิ่น และนักลงทุนที่จะเห็นโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารสู่ตลาดสากล”
ชวนมา ชิม ชม และแชร์ “รสเพ็ดรี สุกี้สายพาน”
ครั้งแรกของนิทรรศการที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยแบบ Immersive Experience ในร้านสุกี้หม่าล่าสายพาน ที่ชวนฟู้ดเลิฟเวอร์มาค้นหาคำตอบว่าอาหารเพชรบุรีมาอยู่ในร้านสุกี้สายพานได้อย่างไร ผ่านคอน 4 เซ็ปต์ “รสเพ็ดรี มีดีอยากอวดดดดด” ได้แก่ 1) “อวดดี”โชว์ขุมทรัพย์ผลผลิตทางภูมิศาสตร์ที่หลากหลาย 2) “อวดเก่ง” ด้วยวัฒนธรรมภูมิปัญญาอันรุ่มรวยหลากหลายชาติพันธุ์ทัั้งจากไทย จีน มุสลิมและมอญ 3)“อวดฉลาด” ผ่านการต่อยอดสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมเชิงสร้างสรรค์ ผนวกทั้งสามอวดเข้าด้วยกันให้กลายเป็น 4) “อวดรวย” ด้วยการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจผ่านต้นแบบการนำเสนอจุดเด่นของอาหารเพชรบุรีในรูปแบบใหม่ พร้อมพลิกโฉมมุมมองอาหารเพชรบุรี ต่อยอดคุณค่าทางวัฒนธรรมและความเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารขององค์การยูเนสโก “ก่อนไม่มีให้อวด”
“CEA หวังว่างานนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความยั่งยืนให้กับระบบอาหารท้องถิ่นของเพชรบุรี และการตระหนักถึงคุณค่าของวัตถุดิบและภูมิปัญญาท้องถิ่น ก่อนที่สิ่งเหล่านี้จะสูญหายไป ตลอดจนเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกภาคส่วน ทั้งคนรุ่นใหม่ คนรุ่นเก่า ผู้ประกอบการ และนักลงทุน ได้เห็นโอกาสในการต่อยอดอาหารเพชรบุรีสู่ตลาดสากล ตอกย้ำความเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร ภายใต้เครือข่ายสมาชิกเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก” ดร.ชาคริต กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถสำรองที่นั่งเข้าร่วมกิจกรรมในระหว่างวันที่ 19 – 22 กันยายน 2567 โดยมีรายละเอียดดังนี้
- วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน รอบ 19.00 – 20.00 น.
- วันศุกร์ที่ 20 กันยายน รอบ 19.00 – 20.00 น.
- วันเสาร์ที่ 21 กันยายน รอบ 19.00 – 20.00 น.
- วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน รอบ 11.00 – 12.00 น. | 00 – 14.00 น. | 18.00 – 19.00 น.
*จำกัดการเข้าร่วมรอบละ 30 ท่าน จำนวน 6 รอบ รอบละ 1 ชั่วโมง โดยมีค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมกิจกรรม 250 บาท/ท่าน (เป็นค่าวัตถุดิบสำหรับมื้ออาหารจำนวน 7 เมนู และเครื่องดื่ม)
สำรองที่นั่งได้ที่: https://forms.gle/skGiyysD97xoUL8U9
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: facebook.com/yuanyuansukimala