Other

กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่กับ “PINPUNG X YOU 2024” งานมีตติ้งปล่อยของสุดจึ้งแห่งปี

Spread the love

กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่กับ “PINPUNG X YOU 2024” งานมีตติ้งปล่อยของสุดจึ้งแห่งปี พร้อมล้วงลึก “ของดี” จากตัวแม่เหล่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์ และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังของไทย ภายใต้ธีม “The Boundless Show Time”

ในปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่าการเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์เป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนกลยุทธิ์ทางการตลาด และมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี จำนวนคอนเทนต์ที่มากขึ้นก็ย่อมตามมาด้วยจำนวนครีเอเตอร์ที่มากขึ้นเช่นกัน แต่จะทำอย่างไรให้ครีเอเตอร์ยังอยู่ในกระแสและได้รับความนิยมอยู่เสมอ “พินปังก์” บริษัทผู้นำด้านอินฟลูเอนเซอร์ มาร์เก็ตติ้ง ของไทย จัดงานมีตติ้งปล่อยของสุดจึ้งแห่งปี Pinpung X You 2024” งานอัปเดตความรู้ในแวดวงคอนเทนต์จากแพลตฟอร์มระดับโลก และเหล่าคนดังที่จะมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์การทำคอนเทนต์อย่างไรให้ถูกใจแบรนด์และได้ใจผู้บริโภค

ภายในงานได้รับเกียรติจากพาร์ทเนอร์ ดารา นักร้อง อินฟลูเอนเซอร์ และครีเอเตอร์ มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง อาทิ มีน-พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร, สุดยอด-พัฐสิฏ พิ่มพูนสวัสดิ์, ดารัณ-เศรษฐิณิช ชนวราสุทธิศิริ, ฝน-ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล, ตู่-สวรินทร์ ศรีบุญมา, นัท-นิสามณี เลิศวรพงศ์, พรีมพร้อม-อัจฉราพร ตุ้มนิลกาล, ธรรมชาติ-ธรรมชาติ โยธาจุล, เฉียง-วรฉัตร ธำรงวรางกูร, ตัวแทนจาก บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด, Meta Thailand (Facebook, Instagram), “YouTube Thailand”, “TikTok Thailand” และอื่นๆ อีกมากมาย โดยในปีนี้มาในธีม “The Boundless Show Time” ณ  True Digital Park West Grand Hall สุขุมวิท 101

พาพฤทธิ์ กาญจน์เกียรติกุล ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท พินปังก์ จำกัด ได้กล่าวถึงจุดประสงค์ของการจัดงานว่า “งาน Pinpung X You จัดต่อเนื่องมาปีนี้เป็นปีที่ 4 เพื่อขอบคุณพันธมิตรทางธุรกิจ ลูกค้า อินฟลูเอนเซอร์ และแพลตฟอร์มต่างๆ ที่ได้ร่วมงานกันมาตลอดทั้งปี พร้อมกันนี้งาน Pinpung X You อยากสร้างพื้นที่ตรงกลางเพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนที่มาร่วมงาน ได้มาพบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนไอเดีย แชร์แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ใหม่ๆ ให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น  และเราก็มุ่งหวังที่จะเดินหน้าเป็นผู้นำด้านการผลิตคอนเทนต์ที่มีประสิทธิภาพให้แก่ลูกค้าทุกแบรนด์ ได้ทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ทุกสาย เพื่อส่งสารไปยังผู้บริโภคให้ได้ความรู้และเป็นประโยชน์กับผู้ติดตามมากที่สุด”

สำหรับกิจกรรมเสวนาช่วงที่ 1 “ตัวแม่ปล่อยของ” โดย “นัท นิสามณี เลิศวรพงศ์” ได้มาพูดคุยบอกเล่าแนวคิดและเคล็ดลับในการทำงานให้ประสบผลสำเร็จว่า “ในทุกครั้งของการทำงานควรจะเต็มที่กับมันเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการจ้างงานครั้งเดียว หรือสิบครั้ง เราก็จะทำงานเต็มที่เท่ากัน เพราะทุกครั้งที่เราทำคอนเทนต์ เมื่อไหร่ก็ตามที่มียอดวิว ยอดวิวนั้นไม่ได้แปลว่ามีแต่คนดูหรือแฟนคลับที่ติดตามเราเท่านั้น แต่ในนั้นอาจจะมีแบรนด์ที่จ้างงานเรา แบรนด์ที่เป็นคู่แข่ง และมีลูกค้าแบรนด์อื่นๆ ก็ดูเราอยู่เหมือนกัน ดังนั้นทุกครั้งที่เราลงมือทำอะไรก็ตามจะเป็นโอกาสสู่งานถัดไป หมายความว่าถ้าเราทำงานนี้ดี โอกาสสู่งานถัดไปก็มีโอกาสมาก แต่ถ้าวันนี้เราทำงานลวกๆ ไม่เต็มที่ มันจะส่งผลต่อโอกาสถัดไปว่าลูกค้าอาจจะไม่จ้างเราแล้ว นอกจากนี้การทำคอนเทนต์ให้ปังต้องมาจากอินเนอร์ของครีเอเตอร์ หาความตื่นเต้นกับคอนเทนต์ที่ทำอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่จุดเล็กๆ ก็ตาม เพื่อหลีกเลี่ยงความเบื่อหน่าย ควรบาลานซ์การทำงานและการใช้ชีวิตให้เหมาะสม ไม่ทำคอนเทนต์ที่ผิดกฏหมายและต้องไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ”

ถัดมากิจกรรมเสวนาช่วงที่ 2 “ปล่อยของอย่างไรให้ถูกใจ Brand ได้ใจ Consumer​” ต้องทำคอนเทนต์แบบไหนจะตอบโจทย์กับทุกฝ่าย สิริปราณ ไชยกุล ผู้บริหารจากบริษัท พินปังก์ จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะที่เราเป็นตัวกลางระหว่างอินฟลูเอนเซอร์และแบรนด์นั้น สิ่งที่เราจะมองเป็นอันดับแรกจากอินฟลูเอนเซอร์คือเพอร์ฟอร์แมนซ์ของช่องมีความเชื่อมโยงกับแบรนด์มากแค่ไหน ผู้ติดตามช่องเหมาะสมกับแบรนด์หรือไม่ และคุณภาพของช่องดีหรือเปล่า เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าคอนเทนต์ที่เราจะผลิตออกมาสู่ผู้บริโภคนั้นมีคุณภาพ และตรงกับสิ่งที่แบรนด์อยากจะสื่อสารออกไปมากที่สุด นอกจากนี้หากพิจารณาจากอินฟลูเอนเซอร์ มาร์เก็ตติ้ง เทรนด์ ที่มาแรงในปัจจุบันแล้ว เราก็มองหาอินฟลูเอนเซอร์ที่สามารถทำ Affiliate Marketing หรือ Live Commerce ให้กับทางแบรนด์ได้ด้วย เพราะทางแบรนด์ไม่ได้มองเพียงแค่ยอดเอนเกจเมนต์เพียงอย่างเดียว แต่ยังมองถึงการทำยอดขายจากโอกาสนี้ ไม่เพียงเท่านั้น AI จะเข้ามามีบทบาทในการทำคอนเทนต์มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งช่วยยกระดับการทำคอนเทนต์ด้วยอินฟลูเอนเซอร์เสมือนจริง (Virtual Influencer) การใช้ Generative AI ในการช่วยสร้างสรรค์งาน อีกทั้งยังช่วยลดเวลาและขั้นตอนเพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงเอไอจะช่วยวิเคราะห์ข้อมูลพร้อมจับคู่ระหว่างอินฟลูเอนเซอร์และแบรนด์ได้อย่างเหมาะสมที่สุด และเทรนด์วีดีโอสั้น (Short VDO) ที่ต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว ก็ยังเติบโตต่อไปได้อีกจากที่แบรนด์ส่วนใหญ่หันมาทำคอนเทนต์ที่เป็นวีดีโอสั้นเพิ่มมากขึ้นถึง 60% ในทุกแคมเปญ ดังนั้นนอกจากคงความเป็นตัวของตัวเองเพื่อผู้ติดตามที่ชื่นชอบเราแล้ว ก็อยากให้อินฟลูเอนเซอร์พัฒนาคอนเทนต์ไปตามเทรนด์ด้วยเช่นกัน”

และกิจกรรมช่วงเสวนาสุดท้าย “ตัวช่วยอินฟลูปล่อยของ 2024” ที่ตัวแทนแต่ละแพลตฟอร์มต่างก็มาร่วมอัปเดตข้อมูลฟีเจอร์ใหม่ๆ ไขข้อข้องใจต่างๆ เริ่มที่ “ฐรินทร์ญา ศุภทรัพย์​” Strategic Partner Manager, YouTube Thailand กล่าวว่า YouTube Thailand ให้ความสำคัญกับคอนเทนต์และคอมมูนิตี้เป็นหลัก จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันยูทูปมีชุมชนย่อยๆ แตกออกมามากมาย เพราะคนรุ่นใหม่ชอบที่จะดูคอนเทนต์ที่ตัวเองชอบมากกว่าที่คนอื่นพูดถึง โดยคอนเทนต์ไม่จำเป็นต้องเป็นกระแสใหญ่สำหรับคนทั้งประเทศ แต่เป็นคอนเทนต์ที่ใช่สำหรับคนดูและเหมาะกับตัวของชุมชนนั้นๆ ซึ่งจะเห็นได้จากช่องใหญ่ๆ ในปัจจุบันไม่ได้มาจากบริษัท ค่ายเพลง หรือค่ายหนัง แต่ยังสามารถมาจากครีเอเตอร์ทุกคนได้ และยูทูปเป็นแพลตฟอร์มที่มีทั้งรูปแบบวีดีโอยาว, วีดีโอสั้น และ Live streaming ที่มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกรูปแบบ ซึ่งครีเอเตอร์ไม่จำเป็นต้องทำคอนเทนต์จำกัดเพียงแค่รูปแบบเดียว การพิจารณาดาต้าที่ระบบมีให้จะสามารถช่วยตอบได้ว่าคอนเทนต์แบบนี้คนดูยังชอบหรือเปล่า หรือเราต้องปรับเปลี่ยนและพัฒนาคอนเทนต์แบบใหม่ เพราะอัลกอริทึ่มนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ไม่ได้มีการปิดกั้นการมองเห็นแบบที่ทุกคนเข้าใจผิดกัน แต่ดาต้าและระบบของแพลตฟอร์มจะยึดคนดูเป็นหลัก คนดูชอบอะไรแพลตฟอร์มจะส่งไปให้ โดยระบบจะมองความเกี่ยวข้องกับความชอบของคนดู ณ ปัจจุบัน ว่าเป็นอย่างไร ในส่วนเครื่องมือที่จะช่วยสร้างรายได้ให้กับครีเอเตอร์ และ YouTube Shopping สิ่งเหล่านี้เริ่มเห็นแล้วในต่างประเทศ และกำลังพัฒนาให้เกิดขึ้นในประเทศไทย”

ฝั่งตัวแทนจาก TikTok Thailand “วชิราภรณ์ โอฬาร” เผยว่า “คอนเทนต์ในแพลตฟอร์มของเราจะไม่ได้เป็นเพียงแค่ Entertainment content อีกแล้ว แต่กระแสของ Shoppertainment มาแรงมากๆ การช้อปปิ้งผ่านติ๊กต๊อก การทำคอนเทนต์ติดตะกร้า การไลฟ์ขายของ มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมากว่า 40% และคาดการณ์ว่าจะเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 3 และ 4 นอกจากนี้มักมีความเข้าใจผิดว่าการติดตะกร้านั้นทำให้ยอดเอนเกจเมนต์ลดลงแต่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นแบบนั้น อยากให้พิจารณาอยู่สองกรณีคือหนึ่งคอนเทนต์ที่เราทำนั้น สคริปต์ที่เราพูดนั้น สอดคล้องกับสินค้าในตะกร้าหรือไม่ หากไม่สอดคล้องกันก็มีโอกาสที่ทำให้คลิปของเราถูกลบตะกร้าออกไป หรือกรณีที่สองร้านค้ามีการเปลี่ยนแปลงตะกร้าสินค้าเลยทำให้สินค้าในคลิปหายไป อาจจะต้องไปเช็คจากตัวคลิปที่เราปล่อยไปอีกครั้ง จากอินไซด์ในส่วนนี้ก็อยากให้ครีเอเตอร์ได้มองเห็นถึงโอกาสในแพลตฟอร์มของเรามากขึ้น”

ด้าน “ก้องกิจ ฉันทวิจัยกุล​” Client Partner, Meta Thailand เล่าว่า “ในปัจจุบัน Meta มีผู้ใช้ 70 ล้านคนในประเทศไทย บน Facebook, Instagram และ Messenger และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับเทรนด์ในปีนี้นั้นก็จะคล้ายกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่มี AI มาช่วยทำงานและประมวลผลข้อมูลมากขึ้น และช่วยเสิร์ฟ Right Content to Right Person โดย 30% ของโพสต์บน Facebook และ 50% ของเนื้อหาบน Instagram ถูกแนะนำโดย AI นอกจากนี้ผู้ใช้และเวลาการดูวีดีโอบน Instagram เพิ่มขึ้นถึง 40% ดังนั้นเนื้อหาที่มีโอกาสจะเป็นไวรัลได้ง่ายและเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้นจะเป็นในรูปแบบวีดีโอ Reels ซึ่งจะช่วยขยายฐานผู้ติดตามและเชื่อมต่อกับคอมมูนิตี้ได้ง่ายขึ้น โดยสามหลักการสำคัญในการทำ Reels คือ ทำให้เนื้อหาน่าสนใจ เข้าใจง่าย และเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน”

นอกจากนี้ภายในงานจะได้พบปะกับกิจกรรมมากมายจากผู้สนับสนุนหลักอย่าง Johnnie Walker Blonde, smirnoff Grab, GH.Goodbyehangover, Comfort, Pepsi และ Happy Sunday พร้อมมินิคอนเสิร์ตจากวง “เพอร์เซส” (PERSES) และวง “วิส” (VIIS)

ติดตามภาพกิจกรรม พร้อมอัปเดตอินฟลูเอนเซอร์ มาร์เก็ตติ้ง แคมเปญอื่นๆ จากพินปังก์ได้ที่ Facebook: Pinpung, Instagram: pinpung_official, TikTok: pinpung_official และ เว็ปไซต์ www.pinpung.com


Spread the love