ทำความรู้จักหนุ่มหน้ามน “กิมจุ้ย-เอื้ออังกูร” เตรียมแจ้งเกิดในหนังรัก “Why We Love เพราะรักต้องมี”
ทำความรู้จักหนุ่มหน้ามน “กิมจุ้ย-เอื้ออังกูร” เตรียมแจ้งเกิดในหนังรัก “Why We Love เพราะรักต้องมี”
เปิดตัวเป็น “นักแสดงหน้าใหม่” ในภาพยนตร์รักโรแมนติกเรื่อง “Why We Love เพราะรักต้องมี” ค่ายบลูแซม พิคเจอร์ อำนวยการสร้างโดย คุณณัฐธนาวรรน เพ็ญชาญวัฒนกิจ (เจ๊ใหญ่) กำกับการแสดงโดย สำรวย รักชาติ ทำเอาหนุ่มหน้ามน “กิมจุ้ย-เอื้ออังกูร เพ็ญชาญวัฒนกิจ” ออกอาการเป็นปลื้มและตื่นเต้นไม่น้อย นอกจากจะเป็นภาพยนตร์รักเรื่องแรกในชีวิตแล้ว ยังเป็นการร่วมงานกับพระเอกแถวหน้าของวงการบันเทิงอย่าง “เข้ม หัสวีร์” อีกด้วย มาทำความรู้จักกับหนุ่มคนนี้กัน!!!
กิมจุ้ย-เอื้ออังกูร เพ็ญชาญวัฒนกิจ เพิ่งจบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน หลักสูตรนานาชาติ เรียนจบปุ๊บ…ก็เดินหน้าหางานทำปั๊บ แต่ช่วงเวลารอสัมภาษณ์งาน กลับจับผลัดจับผลูได้รับการชักชวนจากผู้กำกับน ชื่อดัง สำรวย รักชาติ ให้มารับบท “จืด” พระรองในภาพยนตร์เรื่อง “Why We Love เพราะรักต้องมี” ซึ่งคาแร็กเตอร์ที่ได้รับค่อนข้างจะแตกต่างจากตัวจริงด้วย
“Why We Love เพราะรักต้องมี เป็นเรื่องแรกของผมครับ ผมรับบทเป็น จืด เป็นเพื่อนพระเอกที่ค่อนข้างจริงจังกับการทำงาน อารมณ์ของ จืด จะค่อนข้างเหมือนกับหัวหน้าแก๊งค์ เหมือน CEO ของบริษัทสตาร์ทอัพ คอยสั่ง คอยดูแลทุกคน เพื่อนๆ ในแก๊งค์ก็จะมี พี่เข้ม (หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล) พี่แป้งฝุ่น (สฤษดิ์ทอง ถอนโพธิ์) พี่ก๊อต (สุทธิรักษ์ ศรีทองกุล) ผมเป็นเหมือนเจ้าของบริษัท จริงจังต่อการทำงานตลอดเวลา โดยที่มีพระเอกเป็นคนที่เครียดมาก แต่ก็เป็นคนที่ฉลาดที่สุดในกลุ่ม เก่งที่สุดในกลุ่ม ส่วน พี่ก๊อต จะเป็นคนทีเล่นทีจริง ซึ่งตัวผมจะเป็นคนที่อยู่กึ่งกลางระหว่างพี่เข้มกับพี่ก๊อต
คาแร็กเตอร์ จืด กับตัวผมค่อนข้างแตกต่างครับ ตัวจริงของผมจะเป็นคนที่ขี้เล่นบ้าง แต่ถ้าจริงจังก็จะสุดโต่งเลย ก็ค่อนข้างคล้ายกับบทที่ผมได้รับเหมือนกัน แต่ก็มีความยืดบ้างหยุ่นบ้าง ไม่แข็งจนเกินไป แล้วก็ไม่นิ่มจนเกินไป”
แน่นอนว่าเป็น “นักแสดงหน้าใหม่” ต้องทำการบ้านเยอะแค่ไหน
“การบ้านที่ผมทำก็คือผมจะไปดูซีรีส์ว่า การเป็นผู้บริหารจริงๆ เราจะต้องทำยังไง เอาจริงๆ ผมก็ติดหนังเกาหลีอยู่ เรื่องหนึ่งครับ “เลขาคิม” แต่อันนั้นจะเป็นพระเอกไปจีบนางเอก แต่ผมเป็นแค่เพื่อนพระเอก ก็ดูเฉยๆ ว่าการวางตัวในที่ทำงานจะเป็นยังไง แต่ก็จะมีความเป็นตัวเองใส่ไปด้วย มีความเป็นตัวละครเข้าไปด้วยครับ”
การร่วมงานกันครั้งแรกกับผู้กำกับฯ มากฝีมือ สำรวย รักชาติ
“พี่รวยก็แนะนำว่าคาแร็กเตอร์จะเป็นคนที่จริงจังกับงาน แต่ว่าในความจริงจัง ในเมื่อเรามีความตึงแล้ว เราก็ต้องมีความยืดหยุ่น พี่ก๊อต เป็นตัวชู ทำให้เราเกิดความผ่อนคลาย แต่ผมก็จะเป็นคนที่ตึงเกือบตลอดเวลา ทั้งตัวจริงและในหนังเลยครับ ถามว่า เครียดมั้ย ก็เครียด เพราะเป็นเรื่องแรก แต่พอเริ่มถ่ายเยอะๆ ก็ได้รู้จักคนมากขึ้น รู้จักเพื่อนนักแสดงมากขึ้น ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย รู้สึกเป็นกันเองมากขึ้น รู้สึกกล้าเล่นมากขึ้นครับ
ผมได้ไปเรียนการแสดงด้วยครับ ผมรู้สึกว่าการไปเรียนการแสดง เป็นการเตรียมพร้อมร่างกายของเราให้พร้อมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ก็คือการรับบทเป็นตัวละครตัวนั้นๆ ในฉากหรือในบทนั้นๆ เป็นการเตรียมตัว ผมรู้สึกว่าการไปเรียนการแสดงมาก่อน มันช่วยเราได้เยอะมาก คือทำให้เรารู้สึกพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับบทที่เราได้รับได้เป็นอย่างดี อย่างผมได้บทมาก่อนถ่ายจริง ก็เป็นการซ้อมหน้ากระจก ซึ่งมันก็แตกต่างจากการเรียนการแสดงเลยครับ”
เล่นหนังเรื่องแรกก็ได้ประกบพระเอกรุ่นพี่และฮอตสุดๆ อย่าง “เข้ม-หัสวีร์”
“ก็ตื่นเต้นครับ มีโอกาสได้เล่นกับพี่เค้า ถือเป็นโอกาสที่ดีมากๆ ที่เราได้ร่วมงานกับคนเก่งๆ พี่เข้ม เก่งมากครับ ไม่ว่าเข้าฉากไหน พี่เค้าก็แสดงออกมาได้ดี ซึ่งพี่เค้าก็มีแนะนำเรื่องการแสดงบ้าง เค้าจะบอกว่า สบายๆ ไม่ต้องเครียด เล่นไปตามบทที่เราได้รับ ไม่ต้องเกร็ง ผมก็รู้สึกโล่งครับ
จริงๆ ผมพร้อมมากเลยนะครับ แต่พอเข้าฉาก เจอกล้อง เจอทีมงาน ก็มีประหม่าบ้าง แต่ก็พยายามเอาเทคนิคที่ได้จากการเรียนการแสดง รวบรวมสมาธิ ตั้งสมาธิ แล้วก็ทำมันออกมาให้ดีที่สุด (ลดความประหม่าลงยังไง?) ก็ทำความรู้จักคนที่เราต้องเล่นด้วยกับเค้า เพื่อที่เราจะได้เข้ากับเค้าได้ ในชีวิตจริงด้วย พอถึงเวลาทำการแสดง เราก็แค่ทำในสิ่งที่เราต้องทำแค่นั้น เรียงตามลำดับครับ ซึ่งสิ่งที่ พี่สำรวย แนะนำมากที่สุด ก็คือการแสดงออก สีหน้าท่าทาง การเล่นกับกล้อง เล่นหน้ากล้อง อาจจะมีจังหวะเพิ่มอันนี้นิดนึง ลดอันนี้หน่อย แต่ที่พี่สำรวยเน้นคือ การยืนเพื่อเปิดมุมกล้องครับ”
เพิ่งเป็น “บัณฑิต” หมาดๆ แต่ก็ได้มาเล่นหนังเรื่องแรก มีการปรับตัวอย่างไรบ้าง
“ก็ต้องปรับตัวครับ เพราะเราเตรียมตัวที่จะไปทำงานสายโลจิสติกส์ที่เราเรียนมา แต่พอเป็นสายงานวงการบันเทิง รู้สึกว่าตัวเองต้องปรับตั้งแต่บุคลิกภาพ ภายนอกปรับลุคส์ให้ดูดีขึ้น การแต่งตัวออกงานต่างๆ ก็พยายามปรับให้เข้าที่เข้าทางครับ
วงการบันเทิง พอได้เข้ามาแล้ว รู้สึกว่าเป็นโลกกว้างมากกว่าเราคิด ปกติเราคิดว่าการเป็นนักแสดง มันก็อยู่แค่ที่แคบๆ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ มันกว้างมาก เราคิดว่ามันอาจจะอยู่ในสังคมเล็กๆ แต่จริงๆ แล้วพอออกสื่อแล้ว มันกลายเป็นสังคมที่กว้างใหญ่ขึ้น เพราะทุกคนเปิดอินเตอร์เน็ตก็สามารถเจอเราได้เหมือนกัน
ตอนนี้ผมอยากสนุกกับการเป็นดาราเป็นนักแสดงครับ รู้สึกว่าอาชีพนี้น่าจะทำให้เราต่อยอดธุรกิจในอนาคตได้ มันก็แปลกนะครับ จบอีกอย่างแล้วมาทำอีกอย่างนึง มันก็เป็นเรื่องที่ท้าทายกับตัวเองเหมือนกัน”
วงการบันเทิงมีนักแสดงหน้าใหม่เกิดขึ้นทุกวัน มีความพร้อมแค่ไหน
“ผมเชื่อว่า ผมทำได้ และผมก็จะไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร ผมคิดว่าทุกคนล้วนมีจุดแข็งจุดด้อยของตัวเองกันไป ผมคิดว่าผมสามารถทำมันได้ และผลักดันตัวเองไปได้ครับ แต่ด้วยความที่ผมเพิ่งเข้ามาในวงการ มันก็เกร็งนิดแหละ แต่พอถึงเวลาก็ทำเต็มที่กับงานเสมอ จะออกมาดีหรือร้ายก็ไม่เป็นไร ถือว่าได้ทำ ซึ่งผมก็อยากเป็นนักแสดงที่มีคุณภาพทั้งนอกจอและในจอครับ
ฝากเนื้อฝากตัวกับหนังเรื่องแรกกันนิด
“ผมขอฝากภาพยนตร์เรื่อง “Why We Love เพราะรักต้องมี ด้วยนะครับ เป็นหนังเรื่องแรกของผม ผมรับบทเป็น จืด เป็นเพื่อนพระเอก เป็นคู่สอง ส่วนจะได้คู่กับใครอยากให้ติดตามกันครับ สนุกแน่นอน เป็นหนังรักที่ครบรส ครบเครื่องเรื่องราวเกี่ยวกับหนุ่มสาวยุคใหม่ ยุคปัจจุบันที่ต้องเจอเรื่องราวมากมาย ทั้งเรื่องงานและครอบครัว มีแง่คิดให้คนดูได้นำกลับไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันด้วย ผมตั้งใจมากนะครับ ที่จะทำการแสดงให้ดี ให้เป็นที่ถูกอกถูกใจกับทุกคน ฝากทุกท่านเอ็นดูผมด้วยนะครับ “Why We Love เพราะรักต้องมี” เข้าฉาย 27 กุมภาพันธ์ ในโรงภาพยนตร์ครับ”
ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ บวกกับความสามารถเฉพาะตัว จะทำให้ หนุ่มกิมจุ้ย เติบโตเป็น “นักแสดงคุณภาพ” ในวงการบันเทิงนี้แน่นอน!!!