หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท อาจพิการได้ !
หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท อาจพิการได้ !
ปวดหลังเรื้อรังอย่าชะล่าใจ ! เสี่ยงเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ปล่อยเรื้อรังอาจพิการถาวรได้
โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท เกิดจากหลายสาเหตุแต่สาเหตุหลักมาจากความเสื่อมของหมอนรองกระดูก ที่ผ่านการใช้งานแบบผิดๆ มาเป็นระยะเวลานาน ซ้ำๆ กัน เช่น การยกของหนัก การทำกิจกรรมที่ต้องก้มเงยหลังเป็นประจำ หรือ แม้แต่ความเสื่อมตามอายุของเรา จนทำให้เกิดจากการฉีกขาดของเส้นใยของหมอนรองกระดูกสันหลัง และจะค่อยๆ ดันตัวและปลิ้นออกมาจนไปกดเบียดเส้นประสาทที่อยู่ด้านหลัง
ในอดีตโรคนี้จะพบในผู้สูงอายุ แต่ในปัจจุบันกลับพบมากขึ้นในวัยทำงาน โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศที่นั่งทำงานติดต่อกันเป็นเวลานาน โรคนี้ถือเป็นภัยคุกคามและสร้างผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมากเพราะเมื่อกระดูกสันหลังเกิดการทรุดตัว หรือ หมอนรองกระดูกปลิ้นออกมาจนไปเบียดทับเส้นประสาท ก็จะเกิดอาการปวดหลังเรื้อรัง มีความรู้สึกชา บริเวณขา น่อง และเท้า คล้ายเหน็บชา หรือ ตะคริวถี่ๆ บางครั้งเป็นจนไม่สามารถเดินต่อได้ บางรายอันตรายถึงขั้นกล้ามเนื้อขาอ่อนแรง บางคนก็ควบคุมการขับถ่าย อุจจาระ ปัสสาวะได้ลำบากขึ้น
ก่อนหน้านี้กรมควบคุมโรค เคยออกมาเตือนว่าโรคหมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท หากมีอาการปวดหลังมากกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไป ควรรีบพบแพทย์ เพราะหากรักษาผิดวิธีอาจทำให้พิการได้ สังเกตได้จาก หากพบว่ามีอาการ คือ ปวดหลัง เป็นๆ หายๆ เป็นเวลานานมากกว่า 2 สัปดาห์ ขึ้นไป ปวดขาตั้งแต่บริเวณสะโพกร้าวไปบริเวณน่อง เท้า ซึ่งจะปวดมากเวลาเดิน ต้องหยุดเดินเป็นระยะๆ อาการปวดหลังร้าวลงขาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง ถ้าทิ้งไว้นานเส้นประสาทจะทำงานได้น้อยลง กล้ามเนื้อขาอ่อนแรง เดินและควบคุมการขับถ่ายไม่ได้ อาจถึงขั้นเป็นอัมพฤกษ์ หรืออัมพาต
ดังนั้น เมื่อมีอาการปวดหลังร้าวลงขา ควรพบแพทย์เฉพาะทาง ห้ามรักษาด้วยวิธีที่ไม่มีผลวิจัยทางการแพทย์ยืนยัน เพราะอาจทำให้เกิดภาวะเรื้อรัง สำหรับในประเทศไทยเรามีโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังที่ครบครันทั้งบุคลากรทางการแพทย์และเครื่องมือ นั่นคือ โรงพยาบาลเอสสไปน์ ที่นี่ถือเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังแห่งแรกในประเทศไทย
ปัจจุบันโรงพยาบาลเอส สไปน์ ใช้การรักษาแบบ Minimally Invasive Spine Surgery หรือ MIS Spine แบบครบวงจร เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลังและกลัวการผ่าตัด ทำให้การผ่าตัดแผลใหญ่กลายเป็นแผลเล็ก และได้ผลการรักษาที่เท่ากัน ผู้ป่วยเสียเลือดน้อย ความเจ็บปวดหลังการรักษาลดลง จากเดิมที่ผู้ป่วยเคยนอนโรงพยาบาลประมาณ 2-3 สัปดาห์ หรือ บางรายอาจต้องนอนนาน 1-2 เดือน แต่เมื่อมารักษาด้วยวิธี MIS Spine จะทำให้ผู้ป่วยนอนที่โรงพยาบาลเพียง 1 คืน เท่านั้น
หากมองย้อนเวลากลับไปในยุคที่เครื่องมือที่ใช้ในการผ่าตัดยังไม่ถูกพัฒนาเหมือนในปัจจุบัน การรักษาโรคที่เกี่ยวกับกระดูกสันหลังแต่ละครั้งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก เนื่องจากยังไม่มีเครื่องเอกซเรย์ ไม่มีกล้องผ่าตัดที่มีกำลังขยายสูง ไม่มีไฟที่ใช้ส่องในการผ่าตัดที่เหมาะสม และศัลยแพทย์ที่ถูกฝึกฝนมาเฉพาะทางยังมีไม่มาก จึงเป็นสาเหตุที่แพทย์จำเป็นต้องเปิดแผลตามขนาดของจำนวนข้อกระดูกสันหลังที่มีปัญหา ทำให้เกิดผลข้างเคียงขณะทำการผ่าตัดและหลังทำการผ่าตัด เช่น ผู้ป่วยเสียชีวิตขณะทำการผ่าตัดเนื่องจากเสียเลือดมาก ,ปวดแผลรุนแรงหลังการผ่าตัด ,เกิดโรคแทรกซ้อนระหว่างและหลังการผ่าตัด สิ่งที่กล่าวมานี้ล้วนเป็นเหตุทำให้ผู้ป่วยหรือญาติรู้สึกกลัวที่จะรักษาโรคที่เกี่ยวกับกระดูกสันหลัง แต่ในปัจจุบันวิวัฒนาการของเทคโนโลยีการผ่าตัดกระดูกสันหลังได้ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเทคนิคการผ่าตัดที่มุ่งเน้นไปยังรอยโรคของผู้ป่วย ทำให้การเสียเลือด การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ และการบาดเจ็บหลังการผ่าตัดน้อยกว่าแบบเดิมหลายเท่า อีกทั้งระยะในการนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลก็สั้นกว่า ทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมได้เร็วขึ้น
และสำหรับใครที่มีปัญหากลัวที่แคบ ส่งผลให้การค้นหาสาเหตุของโรคที่เกี่ยวกับกระดูกสันหลังเป็นไปได้ยาก ตอนนี้ที่โรงพยาบาลเอส สไปน์ ตอบโจทย์ปัญหาเหล่านี้ด้วยเครื่อง MRI แบบยืน โดยที่โรงพยาบาลเอส สไปน ถือเป็นเจ้าแรกในประเทศไทยที่มีเครื่อง MRI แบบยืน
สำหรับข้อดีของ MRI แบบยืนนั้น สามารถปรับความชันของระดับเตียงให้อยู่ในรูปแบบท่านั่ง ท่ายืน ท่านอน ท่ากึ่งนั่งกึ่งยืน ท่าก้มหรือท่าแอ่นหลังได้ เพื่อให้เห็นลักษณะการเคลื่อนของกระดูกได้อย่างชัดเจนมากขึ้น และใช้ระยะเวลาในการตรวจสั้น ทำให้แพทย์มองเห็นการกดทับหรือความเสื่อมของหมอนรองกระดูกได้อย่างชัดเจนมากขึ้น และยังสามารถสแกนกระดูกสันหลังเป็นภาพ 3 มิติ (3D) เพื่อวัดระยะต่างๆ ที่เกี่ยวกับกระดูกสันหลังในตำแหน่งที่สำคัญๆ ได้อย่างละเอียดและแม่นยำ
สำหรับโรงพยาบาลเอส สไปน์ ถือเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังแห่งเดียวและแห่งแรกในประเทศไทย ที่มีจุดแข็งที่เด่นชัด คือ การมีทีมแพทย์และพยาบาลเฉพาะทาง โรคปวดหลังที่เกิดจากกระดูกสันหลังและระบบประสาทโดยเฉพาะ ทำให้รู้ลึก รู้จริง สามารถรักษาได้อย่างตรงจุด ประกอบกับการนำเอานวัตกรรมสมัยใหม่จากทั่วโลกเข้ามาช่วยในการรักษา ตอบโจทย์ผู้ป่วยที่มีเวลาน้อย ฟื้นตัวได้เร็ว ไม่ทรมานเหมาะกับผู้ป่วยที่กลัวการผ่าตัด โดยได้รับความไว้วางใจจากผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาโรคกระดูกสันหลังมากกว่า 100,000 ราย ภายในระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา
และในปี 2568 นี้ โรงพยาบาลเอส สไปน์ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาไปอีกขั้น ด้วยการเปิดโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังและข้อ ที่มีความพร้อม ครอบคลุมการรักษาที่มากขึ้น ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ของการฟื้นฟูสุขภาพในประเทศไทย
โรงพยาบาลเอส สไปน์ โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง ปรึกษา โทร.02 034 0808