CBNTchannel

Connecting the world for you, clearer than ever. Never miss the world's movement.

Lifestyle

FTI EXPO 2025 ปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่!  เร่งเครื่องปฏิรูปอุตสาหกรรมไทยสู่เศรษฐกิจยุคใหม่

Spread the love

FTI EXPO 2025 ปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่!  เร่งเครื่องปฏิรูปอุตสาหกรรมไทยสู่เศรษฐกิจยุคใหม่

งาน FTI EXPO 2025 สำเร็จตามเป้าหมาย ได้ผู้เข้าชมงานเกือบ 60,000 คน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเตรียมเดินหน้าปฏิรูปโครงสร้างอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจ ยุคใหม่ กระตุ้นให้ผู้ประกอบการปรับตัวในทุกมิติเพื่อก้าวสู่เวทีโลกอย่างยั่งยืน

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงงาน FTI EXPO 2025 ที่จัดขึ้นเมื่อช่วงวันที่ 12-15 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่ผ่านมาว่า จากการรวมพลังความร่วมมือ ONE FTI ของกลุ่ม 47 กลุ่มอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด สถาบันภายใต้การกำกับดูแลของ ส.อ.ท. หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน หน่วยงานระหว่างประเทศ และสถาบันการศึกษา ที่ร่วมกันผลักดันให้งาน FTI EXPO 2025 เป็นงานแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีภาคอุตสาหกรรมที่ยิ่งใหญ่แห่งปี และเป็นเวทีสำคัญในการขยายช่องทางการตลาดของสินค้า บริการและนวัตกรรมฝีมือคนไทยผ่านสินค้าที่ได้รับการรับรอง Made in Thailand (MiT) นั้น ส่งผลให้งาน FTI EXPO 2025 ประสบความสำเร็จเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด โดยการจัดงานทั้ง 4 วัน พบว่า เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกว่า 2,529 ล้านบาท มีผู้ประกอบการเปิดบูธจัดแสดงมากถึง 279 บูธ มีผู้เข้าชมงาน 58,128 คน มีการเจรจาธุรกิจและเชื่อมโยงเครือข่ายทางธุรกิจในประเทศและต่างประเทศ มากกว่า 434 คู่เจรจา มูลค่าการเจรจาการค้า การลงทุนในงานกว่า 2,319 ล้านบาท เกิดการใช้จ่ายในงานทันทีกว่า 15 ล้านบาท และคาดการณ์มูลค่าการซื้อขายต่อเนื่องภายใน 1 ปี รวมกว่า 7,813 ล้านบาท รวมถึงเกิดการจ้างงาน 1,818 คน คิดเป็นเงินหมุนเวียนการจัดงานมากกว่า 194.97 ล้านบาท ซึ่งผลของความสำเร็จนี้จะช่วยผลักดันให้เกิดการค้า การลงทุนเพื่อเชื่อมโยงสู่ตลาดสากล และส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเติบโต นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และแสดงให้ทั่วโลกเห็นถึงศักยภาพและความก้าวหน้าของภาคอุตสาหกรรมไทยอย่างแท้จริง

บนพื้นที่จัดแสดงกว่า 20,000 ตารางเมตร นอกจากการจัดแสดงนวัตกรรม เทคโนโลยี บริการและผลิตภัณฑ์ จากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน ใน 7 โซนจัดแสดง อาทิ การแสดง Dancing Robot แขนกลอัจฉริยะที่เคลื่อนไหวไปพร้อมจังหวะเพลง นิทรรศการโลกแห่งหุ่นยนต์ Humanoid Agent AI Avatar นวัตกรรมสัตว์เลี้ยงอนาคต ROBODOG หรือหุ่นยนต์สุนัข สาธิตการบินโดรนโดยสาร(Passenger Drone) จากผู้ประกอบการไทยรายแรกและได้รับการรับรอง MiT การจัดแสดงอุตสาหกรรมเกษตรอัจฉริยะ หรือ Smart Agriculture Industry (SAI) แล้ว ยังมีโซน FTI Outlet ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์คุณภาพดี ราคายุติธรรมจากโรงงานผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  นอกจากนี้ ยังมีการจัดอบรมสัมมนาจากกูรูผู้มากด้วยประสบการณ์ในสาขาต่างๆ ที่มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิดเห็น เพื่อเปิดโลกและเปิดมุมมองใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการไทยได้นำไปพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการดำเนินธุรกิจของตนเองต่อไป

ท่ามกลางกระแสความท้าทายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ที่มีความผันผวนและซับซ้อนมากขึ้นที่ภาคอุตสาหกรรมไทยจะต้องเผชิญต่อไปนั้น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จะพลิกความท้าทายให้เป็นโอกาสในการพัฒนาประเทศ เร่งเดินหน้าปฏิรูปโครงสร้างอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ต่อยอดการพัฒนาของภาคการผลิตด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการไทย ขณะเดียวกันก็ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาการศึกษาควบคู่กันไป เพื่อสร้างกำลังคนรองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต พร้อมทั้งวางยุทธศาสตร์ให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรมในภูมิภาคนี้ ด้วยการรวมพลังเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยภายใต้นโยบาย ONE FTI (ONE Vision, ONE Team, ONE Goal) และผลักดัน SMEs สู่ Smart SMEs ด้วยแนวทาง 4GO (Go Digital & AI, Go Innovation, Go Green, Go Global) ซึ่งภาคอุตสาหกรรมไทยจะต้องรวมพลังและเร่งปรับกลยุทธ์ พัฒนาบุคลากรรวมถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยไปสู่อนาคต

“ความสำเร็จของการจัดงานในครั้งนี้ ได้สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจในการทำงานระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยกันขับเคลื่อนประเทศไทย เพื่อให้ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ เศรษฐกิจมีความมั่นคง ประชาชนทุกภาคส่วนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและสร้างรายได้ให้กับประเทศ โดยต้องมีการดำเนินงานที่เชื่อมโยงกันทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ไปจนถึงปลายทาง  ไม่ว่าจะเป็นการผลิต  การแปรรูป  การใช้นวัตกรรมเข้ามาช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์และสินค้า การบริหารจัดการด้านการตลาด ตลอดจนการตอบสนองต่อกระแสด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งทุกภาคส่วนล้วนต้องมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาและยกระดับต่อยอดการพัฒนาในทุกมิติ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศไทยในเวทีระดับโลก และยังทำให้ภาคอุตสาหกรรมไทยได้ก้าวไปสู่การพัฒนาอย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายเกรียงไกรสรุป


Spread the love
error: Content is protected !!