Other

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทย รับมอบเฮลิคอปเตอร์แอร์บัส เอช130 ลำแรก

Spread the love

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทย รับมอบเฮลิคอปเตอร์แอร์บัส เอช130 ลำแรกที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากเชื้อเพลิงการบินแบบยั่งยืน (SAF)

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ของประเทศไทยได้รับมอบแอร์บัส เฮลิคอปเตอร์รุ่น เอช 130 (H130) ลำแรกเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว โดยบริษัท แอร์บัส ได้ร่วมกับ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พร้อมด้วย บริษัท ซาฟราน เฮลิคอปเตอร์ เอ็นจินส์ (Safran Helicopter Engines) และบริษัท อุตสาหกรรมการบินไทย จำกัด (TAI) ดำเนินการจัดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ (Ferry Flight) โดยเฮลิคอปเตอร์ H130 ซึ่งใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) 39 เปอร์เซ็นต์ โดยทำการบินจากศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานของ TAI ในจังหวัดลพบุรี ไปยังศูนย์ปฏิบัติการพื้นที่ภาคกลาง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ณ ท่าอากาศยานนครสวรรค์ โดยใช้เวลาทั้งสิ้น 20 นาที โดยมีนายกานตพันธุ์ พิศาลสุขสกุล ผู้ช่วยปลัดกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม (ผช.ปกท.ทส.) เป็นประธานในการรับมอบ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากแอร์บัส บริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด และบริษัท ซาฟราน ร่วมเป็นสักขีพยาน

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าว “ทางกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมยินดีที่ได้รับมอบเฮลิคอปเตอร์ H130 ลำใหม่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีเป้าหมายที่จะใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดที่มีอยู่ เพื่อสนับสนุนการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันก็ต้องสามารถรับประกันความปลอดภัยของบุคลากรด้วยเช่นกัน โดยเฮลิคอปเตอร์ H130 จะถูกนำไปใช้ในภารกิจสำคัญทันที อาทิเช่น การบรรเทาอุทกภัย การค้นหาและกู้ภัย การอพยพทางการแพทย์ รวมถึงการดับไฟป่า เราคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า H130 จะเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม” และเสริมอีกว่า “เที่ยวบินเฮลิคอปเตอร์ที่ขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิง SAF ครั้งแรกในประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งสอดคล้องกับมาตรการบรรเทาผลกระทบจากแผนการดำเนินงานภายใต้ข้อตกลงปารีสหรือที่เรียกว่าการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (Nationally Determined Contribution: NDC) NDC”

พลอากาศเอก พิบูลย์ วรวรรณปรีชา กรรมการและเลขานุการ บริษัท อุตสาหกรรมการบินไทย กล่าวว่า “เรารู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการส่งมอบเฮลิคอปเตอร์ H130 ของทส. ซึ่งเฮลิคอปเตอร์ลำนี้เป็นลำแรกที่ได้รับการปรับแต่งและประกอบชิ้นส่วนขั้นสุดท้ายที่โรงงานของเราก่อนที่จะทำการส่งมอบให้กับทส. และเราก็รู้สึกยินดีมากที่เที่ยวบินปฐมกฤษ์เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าเที่ยวบินนี้ใช้เชื้อเพลิง SAF เนื่องจากประเทศไทยมีจุดยืนเชิงรุกในการแก้ไขปัญหาการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในทุกภาคส่วนของประเทศ การส่งมอบเฮลิคอปเตอร์ H130 ที่ขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิง SAF ให้กับทส. จึงเป็นก้าวสำคัญสู่การลดการปล่อยคาร์บอนในอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้นำในการลดการปล่อยคาร์บอนจากเชื้อเพลิงที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบิน”

นายอเล็กซานเดอร์ ซานเชซ (Alexandre Sanchez) กรรมการผู้จัดการของแอร์บัส เฮลิคอปเตอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า “เราขอขอบคุณกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ให้ความไว้วางใจมอบภารกิจที่สำคัญยิ่งให้แก่เฮลิคอปเตอร์ H130 ฝูงใหม่นี้ และร่วมแสดงความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ของอุตสาหกรรมการบินไปพร้อมกับเรา ในเที่ยวบินประวัติศาสตร์ที่ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยในการใช้เชื้อเพลิง SAF ปฏิบัติการบินเฮลิคอปเตอร์ โดย H130 มีชื่อเสียงทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย และความสามารถในการปฏิบัติภารกิจที่หลากหลาย เรามั่นใจในศักยภาพในการปฏิบัติงานของ H130 ในประเทศไทย และหวังว่าจะได้เห็น H130 ให้บริการประชาชนและหน่วยงานต่าง ๆ ในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น”

นายสตีเว่น หว่อง (Steven Wong) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซาฟราน เฮลิคอปเตอร์ เอ็นจินส์ เอเชีย (Safran Helicopter Engines Asia) กล่าวว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ แอร์บัส เฮลิคอปเตอร์ (Airbus Helicopters) ในการส่งมอบเฮลิคอปเตอร์ H130 ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Arriel ให้กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ เรายังรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมจัดการบินเที่ยวบินเฮลิคอปเตอร์ที่ขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิง SAF ครั้งแรกของประเทศไทย ความมุ่งมั่นของกระทรวง ฯ ในการปกป้องและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมนั้นสอดคล้องกับความพยายามอย่างต่อเนื่องของ Safran ในการให้ความสำคัญด้านความยั่งยืนและการลดผลกระทบต่อระบบนิเวศ เราหวังว่าความร่วมมือครั้งนี้จะแสดงให้เห็นความทุ่มเทของเราในการเป็นผู้นำด้านความพยายามเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในอุตสาหกรรมเครื่องยนต์เฮลิคอปเตอร์ และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการเฮลิคอปเตอร์รายอื่น ๆ นำแนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ในลักษณะเดียวกัน”

ในปี 2566 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ทำการสั่งซื้อเฮลิคอปเตอร์ H130 จำนวน 2 ลำจาก TAI ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้รับเหมาหลักและศูนย์การประกอบเฮลิคอปเตอร์ขั้นสุดท้ายของแอร์บัสสำหรับการขายและการส่งมอบอากาศยานปีกหมุนในประเทศไทย เฮลิคอปเตอร์อเนกประสงค์ที่ออกแบบมาเพื่อปฏิบัติภารกิจและงานที่หลากหลายนี้ได้ถูกส่งมอบให้กับ TAI ก่อนที่ทางบริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบในการประกอบ ปรับแต่ง และผลิตเฮลิคอปเตอร์ขั้นสุดท้ายที่ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานในจังหวัดลพบุรี และส่งมอบให้กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในที่สุด โดย H130 จะถูกนำไปใช้ในการรองรับการปฏิบัติการภารกิจต่าง ๆ ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย ซึ่งรวมถึงภารกิจการดับไฟป่า การสำรวจทางอากาศ และการขนส่งผู้โดยสาร

H130 เป็นสมาชิกของเฮลิคอปเตอร์อเนกประสงค์ในตระกูล Ecureuil ซึ่งนับเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของฝูงบินเฮลิคอปเตอร์ที่ประจำการของแอร์บัสทั่วโลกทั้งหมดในปัจจุบัน และมีชั่วโมงบินสะสมมากกว่า 40 ล้านชั่วโมงทั่วโลก H130 ถือเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่มีเสียงเบาที่สุดในรุ่นเดียวกัน เนื่องจากใช้โรเตอร์หางแบบหุ้มเฟเนสตรอน (Fenestron) ของแอร์บัส และระบบควบคุมความเร็วใบพัดแบบแปรผันอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดความดังของเสียงภายนอกลงได้เป็นอย่างมาก การออกแบบที่เรียบง่ายของ H130 ประกอบกับการใช้วัสดุคอมโพสิต และประวัติการปฏิบัติงานอันยาวนานของเฮลิคอปเตอร์ตระกูล Ecureuil ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ต้นทุนการบำรุงรักษาลดลงและมีความพร้อมใช้งานในระดับสูง ทำให้เป็นตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพและได้รับความไว้วางใจสำหรับภารกิจต่าง ๆ

เชื้อเพลิง SAF ถือเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในความพยายามลดการปล่อยคาร์บอนของอุตสาหกรรมการบิน โดยช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้โดยเฉลี่ยถึง 80 เปอร์เซ็นต์ตลอดวงจรชีวิต เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงฟอสซิลนับตั้งแต่ขั้นตอนในการผลิตจนถึงการใช้งาน ปัจจุบัน เครื่องบินของแอร์บัสทุกลำสามารถใช้เชื้อเพลิงที่ผสม SAF ได้ 50 เปอร์เซ็นต์ โดยแอร์บัสตั้งเป้าหมายให้เครื่องบินทุกลำสามารถบินด้วย SAF ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2573


Spread the love