fintips by ttb ชวนเช็กออกรถมือสองต้องเตรียมอะไรบ้าง
fintips by ttb ชวนเช็กออกรถมือสองต้องเตรียมอะไรบ้าง
อยากมีรถ แต่งบไม่พอถอยป้ายแดง! รถยนต์มือสองก็ตอบโจทย์ได้ เพราะมีข้อดีอยู่หลายเรื่อง ทั้งราคาเข้าถึงได้ง่าย และมีตัวเลือกหลากหลายให้เลือกได้ตามช่วงราคาที่ผู้ซื้อต้องการ เพียงแต่การซื้อรถมือสองต้องศึกษารายละเอียดข้อมูลให้ถี่ถ้วนเพื่อให้ได้รถยนต์ที่มีคุณภาพในราคาที่คุ้มค่า
วันนี้ fintips by ttb (Backlink: https://www.ttbbank.com/link/fintips-pr) จะมาแนะนำเรื่องการเตรียมเอกสารและค่าใช้จ่ายให้พร้อมก่อนการออกรถมือสอง
เอกสารที่ใช้ในการออกรถมือสองมีดังนี้
- สำเนาบัตรประชาชนของผู้ซื้อ
- สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ซื้อ
- เอกสารยืนยันการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์
- สำเนาทะเบียนรถยนต์เดิม
- หนังสือสัญญาซื้อขาย
ขั้นตอนการซื้อรถมือสอง
- ตรวจสอบทะเบียนรถก่อนซื้อ : เช็กประวัติรถ ภาระผูกพัน และความถูกต้องของเอกสาร เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต
- ตรวจสอบสภาพรถอย่างละเอียด : นี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยให้ประเมินสภาพรถได้อย่างแม่นยำ และหลีกเลี่ยงการโดนหลอกขายรถมือสองที่อาจมีปัญหาแอบแฝง
- ตกลงราคาและรูปแบบการชำระเงิน : เจรจาต่อรองราคาและเลือกวิธีการชำระเงินที่เหมาะสมกับเรา
- ยื่นขอสินเชื่อ (กรณีผ่อนชำระ) : หากต้องการใช้บริการสินเชื่อ ให้เตรียมเอกสารให้พร้อม และยื่นขอกับสถาบันการเงินที่เลือก
- ทำสัญญาซื้อขายและโอนกรรมสิทธิ์ : ตรวจสอบเงื่อนไขในสัญญาอย่างละเอียดก่อนลงนาม
- ชำระเงินและรับรถ : เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ทำการชำระเงินตามที่ตกลงและรับมอบรถ
ค่าใช้จ่ายออกรถมือสองแบบเงินสด
สำหรับคนที่มีเงินพร้อม และต้องการซื้อรถมือสองแบบเงินสด มาดูค่าใช้จ่ายการออกรถมือสองที่ต้องเตรียมกัน
- ค่าโอนรถยนต์มือสอง (ค่าโอนกรรมสิทธิ์)
ค่าโอนรถยนต์มือสองเป็นค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้กรมการขนส่งทางบกเพื่อโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ ซึ่งคิดตามอายุรถและขนาดเครื่องยนต์ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 2-4% ของราคาประเมินรถยนต์
- ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% โดยหากเราออกรถมือสองจากเต็นท์รถจะต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ของราคารถ แต่หากซื้อจากบุคคลทั่วไป จะไม่ต้องเสียภาษีส่วนนี้
- ค่าภาษีรถยนต์, พ.ร.บ. รถยนต์ และประกันรถยนต์
ค่าใช้จ่ายในการต่อภาษีรถยนต์และพ.ร.บ. เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเสมอ เพื่อคุ้มครองความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น เช่น
- ภาษีรถยนต์ประจำปี ขึ้นอยู่กับขนาดเครื่องยนต์และอายุรถ
- พ.ร.บ. รถยนต์ ประมาณ 600-1,000 บาทต่อปี
- ประกันภัยรถยนต์ ราคาแตกต่างกันตามประเภทและความคุ้มครอง
ค่าใช้จ่ายออกรถมือสองผ่านไฟแนนซ์ หรือขอสินเชื่อ
สำหรับคนที่เลือกออกรถมือสองผ่านไฟแนนซ์ จะมีค่าใช้จ่ายในการโอนรถยนต์มือสองเพิ่มเติมดังนี้
- ค่าจองรถ (ในระหว่างที่ตรวจสอบเครดิต) การออกรถมือสองจะมีค่าจองรถ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายแรกที่ต้องชำระเมื่อเราตกลงใจซื้อรถยนต์ เพื่อให้เต็นท์รถหรือผู้ขายรักษารถไว้ให้เราในระหว่างที่ทำการตรวจสอบเครดิต โดยมักเป็นจำนวนเงินที่ไม่มาก ประมาณ 5,000-10,000 บาท
- เงินดาวน์รถ ดาวน์รถยนต์มือสองโดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 10-25% ของราคารถ ซึ่งข้อดีการวางเงินดาวน์ออกรถสูง คือ ยิ่งดาวน์มาก ยอดจัดไฟแนนซ์ก็จะน้อยลง ส่งผลให้ค่างวดต่ำลงด้วย ทำให้มีภาระทางการเงินน้อยลงในระยะยาว
- ค่าดำเนินการของไฟแนนซ์ ค่าใช้จ่ายในการโอนรถยนต์มือสอง จะมีค่าธรรมเนียมที่อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละสถาบันการเงิน โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 1-2% ของวงเงินสินเชื่อ ซึ่งค่าดำเนินการนี้จะครอบคลุมถึงค่าตรวจสอบประวัติเครดิต, ค่าประเมินราคารถยนต์, ค่าดำเนินการเอกสารสัญญา และ ค่าบริการจัดทำประกันภัยรถยนต์ (ถ้ามี)
บางสถาบันการเงินอาจเรียกเก็บแบบเหมาจ่าย หรือคิดตามอัตราที่กำหนด ดังนั้น ควรสอบถามรายละเอียดค่าธรรมเนียมก่อนตัดสินใจเลือกใช้บริการสินเชื่อ เพื่อเปรียบเทียบและวางแผนค่าใช้จ่ายได้อย่างเหมาะสม
- ค่าภาษีรถยนต์, พ.ร.บ. รถยนต์ และประกันรถยนต์
เจ้าของรถจะต้องเสียภาษีรถยนต์ รวมถึงต่อทั้งพรบ. หรือประกันภัยรถยนต์ เป็นประจำทุกปี
ค่าประกันรถยนต์เป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายในการโอนรถยนต์มือสองที่ไม่ควรมองข้าม เพราะประกันรถยนต์จะคุ้มครองเราจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้น เช่น อุบัติเหตุ การโจรกรรม หรือความเสียหายที่เกิดจากภัยธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่อาจต้องแบกรับในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
สำหรับการออกรถมือสอง การเลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะสมจะต้องคำนึงถึงอายุของรถ สภาพการใช้งาน และความคุ้มครองที่ต้องการ โดยปกติแล้วประกันรถยนต์ชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมที่สุด ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายต่อรถยนต์ของเราหรือรถของคู่กรณี รวมถึงการคุ้มครองการสูญหายและไฟไหม้ หากรถมือสองของเรามีอายุการใช้งานที่มากขึ้น ประกันชั้น 2 หรือชั้น 3 อาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเหมาะสมกับงบประมาณมากกว่า
- ค่าดอกเบี้ยจากสินเชื่อและภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละสถาบันการเงิน และปัจจัยอื่น ๆ เช่น อายุรถ ระยะเวลาผ่อน และประวัติเครดิตของผู้กู้ โดยทั่วไป เช่น
- อัตราดอกเบี้ยสำหรับรถยนต์มือสองมักสูงกว่ารถใหม่เล็กน้อย
- ระยะเวลาผ่อนที่นานขึ้นอาจส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น
- ประวัติเครดิตที่ดีอาจช่วยให้ได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า
ปัจจุบันรถมือสองส่วนใหญ่ยังอยู่ในสภาพดี หากรู้แหล่งหรือวิธีเช็กสภาพรถก็สามารถจะได้รถมือสองที่สภาพเหมือนใหม่ หรือมีการใช้งานเพียงเล็กน้อยมาใช้งานต่อได้ด้วย ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดก่อนตัดสินใจซื้อรถมือสองก็คือ การศึกษาข้อมูล เลือกแหล่งซื้อรถมือสองที่ได้มาตรฐาน และตรวจสภาพรถก่อนตัดสินใจซื้ออย่างละเอียด
หากใครที่กำลังมองหาสินเชื่อเพื่อซื้อรถมือสอง สินเชื่อรถยนต์ ttb DRIVE มีบริการสินเชื่อรถยนต์ใช้แล้ว ที่มีบริการจัดไฟแนนซ์ให้ถึงที่ รู้ผลอนุมัติเบื้องต้นไวภายใน 30 นาที พร้อมวงเงินที่ครอบคลุมราคารถยนต์ใช้แล้วที่ต้องการสูงสุด 100% จากราคาประเมินของธนาคาร นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกระยะเวลาการผ่อนชำระได้สูงสุดถึง 84 เดือน ผ่อนได้สบายตามใจต้องการ