CBNTchannel

โลกของข่าว โลกของคุณ ติดต่อทีมงานและส่งหมายเชิญร่วมงานได้ที่ chillbiznews@gmail.com

Business

เครือสหพัฒน์ ผนึกพันธมิตร ไทย-ญี่ปุ่น-เกาหลี-ไต้หวัน ลุยเซ็นเอ็มโอยู 18 ฉบับ

Spread the love

เครือสหพัฒน์ ขยับองค์กรครั้งใหญ่ ผนึกพันธมิตร ไทย-ญี่ปุ่น-เกาหลี-ไต้หวัน ลุยเซ็นเอ็มโอยู 18 ฉบับ บุกธุรกิจใหม่ กระตุ้นเศรษฐกิจไทย

นับเป็นการเคลื่อนไหวทางธุรกิจครั้งใหญ่ของเครือสหพัฒน์ก็ว่าได้ เมื่อมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ และลงนามความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ ในงาน สหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 28 รวมถึง 18 ฉบับ ถือว่าเป็นปีที่มีการลงนามมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ของเครือสหพัฒน์ ซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้คึกคักขึ้น และสร้างงานสร้างรายได้ให้คนไทยได้มาก

หากจะเจาะลึกลงไปดูว่าปีนี้เครือสหพัฒน์ให้ความสนใจกับธุรกิจอะไร ก็พบว่ามีทั้งธุรกิจแพลตฟอร์ม บริการ ไบโอเทค ความรู้ และธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ซึ่งสะท้อนว่าธุรกิจเหล่านี้ คือ ทิศทางที่เครือสหพัฒน์จะก้าวไปในอนาคต

ร่วมทุน ไทย-เกาหลี-ญี่ปุ่น สร้างแพลตฟอร์มใหม่

ความร่วมมือในธุรกิจแพลต์ฟอร์มที่น่าสนใจในปีนี้อยู่ที่ความร่วมมือกับ เอ็มทีเอส โกลด์ ผู้นำด้านทองคำครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของไทย โดยจะร่วมกันผลิตทองคำแท่งความบริสุทธิ์ 99.99% เพื่อรองรับระบบดิจิทัล โกลด์ เซฟวิ่ง สำหรับการออมทอง การลงทุนในทองคำ และใช้ทองคำเป็นหลักทรัพย์สำรองของเครือสหพัฒน์ และพันธมิตรธุรกิจ

และยังมีอีก 3 แพลตฟอร์มใหม่ที่จะเกิดขึ้น จากความร่วมมือกับ ลาลาสเตชันส์ (LALASTATIONS) ผู้นำธุรกิจไลฟ์คอมเมิร์ซจากเกาหลี เพื่อพัฒนาไลฟ์คอมเมิร์ซแพลตฟอร์มแรกของไทย และความร่วมมือกับ เอตัวล์ ไคโตะ (Etoile Kaito) ผู้นำค้าส่งสินค้าจากญี่ปุ่น เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ของแต่ละฝ่ายขยายสู่ตลาดต่างประเทศ รวมทั้งความร่วมมือกับ ออร์บิกซ์ เทค (Orbix Tech) เพื่อร่วมกันพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน

ผสานความร่วมมือรุกธุรกิจบริการ

เครือสพพัฒน์นับว่าอยู่ในธุรกิจบริการมานาน ปีนี้เป็นอีกปีหนึ่งที่จะบุกธุรกิจบริการในเซ็กเมนต์ใหม่ ๆ ซึ่งมีทั้งความร่วมมือกับ สกายไดร์ฟ (SkyDrive) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในธุรกิจอากาศยานไฟฟ้าขึ้นลงในแนวดิ่ง (eVTOL) โดยหวังที่จะเปิดมิติใหม่ของการจราจรทางอากาศในประเทศไทย และยังตั้งเป้าที่จะขยายฐานการผลิตมาไทยด้วย

นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือกับ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อดำเนินโครงการศูนย์พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุแบบครบวงจร ซึ่งจะมีความร่วมมือกันทั้งด้านวิชาการ เทคโนโลยี แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างกัน พร้อมทั้งสนับสนุนด้านคำปรึกษา และกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

อีกหนึ่งธุรกิจบริการที่เครือสหพัฒน์มีความเชี่ยวชาญเป็นทุนเดิม คือ ธุรกิจความงาม ซึ่งปีนี้ได้มีความร่วมมือกับ ฟาสต์ บิวตี้ (Fast Beauty) ธุรกิจร้านทำสีผมอันดับ 1 จากญี่ปุ่น เพื่อเปิดร้านทำสีผม fufu ในไทย ซึ่งจะประเดิมสาขาแรกที่ย่านทองหล่อ ปิดท้ายกับความร่วมมือกับ ธนาคารไอซีบีซี เพื่อสนับสนุนและขยายโอกาสทางธุรกิจระหว่างกัน

จากแนวคิดที่ต้องการพัฒนาพื้นที่ย่านพระราม 3 ให้เป็น Community of Kindness เครือสหพัฒน์จึงได้ผนึกความร่วมมือกับ 2 พันธมิตรยักษ์ใหญ่ คือ โตคิว คอร์ปอเรชั่น ผู้นำด้านการพัฒนาเมืองและอสังหาริมทรัพย์ในประเทศญี่ปุ่น และดุสิตธานี ผู้นำธุรกิจด้านการบริการท่องเที่ยวและโรงแรมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจับมือกับ โตคิว คอร์ปอเรชั่น พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ภายใต้ชื่อคิงสแควร์ เรสซิเดนซ์ โดยมีทีม Dusit Hospitality Services จากดุสิตธานีที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการบริการและโรงแรม เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการบริหารจัดการภายในโครงการเมื่อโครงการแล้วเสร็จ นอกจากนี้ ยังได้ร่วมทุนกับ โตคิว คอร์ปอเรชั่น พัฒนาโครงการดุสิต สวีต คิงสแควร์ กรุงเทพฯ ซึ่งจะเป็นทั้งเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์และโรงแรม โดยมีดุสิตธานีเป็นผู้บริหารจัดการด้าน Hospitality เช่นเดียวกัน

และเพื่อให้ธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ของเครือสหพัฒน์ครบวงจรมากขึ้น จึงได้ร่วมกับ โตคิว คอร์ปอเรชั่น ก่อตั้งบริษัท สห โตคิว พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเมนต์ จำกัด เพื่อให้บริการด้านบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ในไทย โดยจะประเดิมที่โครงการคิงสแควร์ คอมมูนิตี้ มอลล์ และโครงการคิงบริดจ์ ทาวเวอร์ ก่อนที่จะขยายต่อไปยังโครงการอื่นในอนาคต

ผนึกยักษ์ใหญ่ไต้หวันบุกธุรกิจไบโอเทค

การบุกเข้าไปในธุรกิจไบโอเทคครั้งนี้ เครือสหพัฒน์ได้ร่วมมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่จากไต้หวัน ได้แก่ ควาร์กไบโอ (QUARKBIO) ผู้เชี่ยวชาญเรื่อง Precision Healthcare Solution เพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ Precision Healthcare โดยจะมุ่งไปที่ผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและความงามที่จำเพาะบุคคลและมีความแม่นยำ เพื่อให้บริการดูแลสุขภาพขั้นสูง และยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย

จับมือสถาบันการศึกษาส่งเสริมความรู้ใหม่

ปีนี้ถือเป็นอีกปีหนึ่งที่เครือสหพัฒน์มุ่งให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความรู้ โดยมีการลงนามความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาของไทย เริ่มจากความร่วมมือกับ พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พระจอมเกล้าพระนครเหนือ เกษตรศาสตร์ นิด้า สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร ธรรมศาสตร์ เพื่อพัฒนาบุคลากรป้อนให้กับอุตสาหกรรมผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (Print Circuit Board : PCB) ในไทย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ไทยมีสัดส่วนการผลิต PCB ในตลาดโลกเพิ่มขึ้น และเป็นฐานการผลิตที่สำคัญในอาเซียน

นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือกับ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เพื่อเสริมทักษะการเป็นผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ด้านแฟชั่นให้นักศึกษา และความร่วมมือกับ โรงแรมสยามวิลล่า สุวรรณภูมิ วิทยาลัยมวยไทยศึกษาและการแพทย์แผนไทย วิทยาลัยเทคโนโลยีธุรกิจแฟชั่นนานาชาติ และสมาคมกีฬามวยไทย เพื่อเปิดหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขามวยไทยศึกษา ซึ่งเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไทย รวมทั้งความร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ และวิทยาลัยเทคโนโลยีธุรกิจแฟชั่นนานาชาติ เพื่อจัดการศึกษาเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตในการพัฒนากำลังคนทุกช่วงวัย

ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน

การขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ความยั่งยืนเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายของเครือสหพัฒน์ ปีนี้จึงได้เห็นเครือสหพัฒน์มีโปรเจ็กใหญ่ในด้านนี้ นำร่องโดยร่วมมือกับ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประกาศนำบริษัทในครือสหพัฒน์กว่า 70 แห่ง มาใช้โซลูชันโกกรีน พลัสของดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนจากการขนส่งด่วนทางอากาศ ผ่านการใช้เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel) ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 80% เมื่อเทียบกับน้ำมันเครื่องบินทั่วไป นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือกับ บี.กริม เพาเวอร์ เพื่อพัฒนาที่จอดรถยนต์ไฟฟ้าที่โครงการคิงสแควร์ เรสซิเดนซ์ รวมทั้งติดตั้งโซล่าร์รูฟที่โครงการคิงสแควร์ คอมมูนิตี้ และความร่วมมือกับ เอสซี แกรนด์ เพื่อพัฒนาสินค้าแฟชั่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

หลังจากนี้ คงต้องคอยติดตามว่าเครือสหพัฒน์จะเข้าไปพลิกโฉมในแต่ละธุรกิจที่เข้าไปลงทุนอย่างไร เชื่อว่าธุรกิจเหล่านี้จะมีความคึกคักมากขึ้นจากการที่มีเพลเยอร์รายใหญ่อย่างเครือสหพัฒน์เข้าไปพัฒนาตลาด และแน่นอนว่าการลงทุนที่เกิดขึ้นจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทย และช่วยให้คนไทยมีงานมีรายได้มากขึ้นด้วย


Spread the love