EntertainMusic

รักไม่จำกัดนิยาม ของ POPPY C. ยืนเคียงข้าง LGBTQIA+

Spread the love

รักไม่จำกัดนิยาม ของ POPPY C. ยืนเคียงข้าง LGBTQIA+ เปิดใจรับ สมรสเท่าเทียม

เรียกได้ว่าเป็นการกลับมาทวงบัลลังก์อย่างสวยงาม สำหรับนักร้องสาวคนเก่ง POPPY C. (ชัชชญา ส่งเจริญ) หรือ ป้อปปี้ วง 3.2.1 ที่หวนคืนวงการเพลงด้วยการประกาศตัวศิลปินหญิงเดี่ยวเบอร์แรกของค่าย RABBIT MOON ภายใต้การดูแลของ เมธวิน อังคทะวานิช CEO บริษัท แรบบิท มูน คอร์ปอเรชั่น จำกัด พร้อมซิงเกิลใหม่ Try Me (ลองดู) สไตล์ POP R&B ที่กระแสตอบแรงจนเจ้าตัวยิ้มปลื้ม งานนี้ชีวิตจริงลัคกี้อินเกมแอนด์ลัคกี้อินเลิฟ เพราะความรักครั้งกับรุ่นพี่ก็สดใสจนหลายหลายคนอิจฉา

“เป็นความรักที่มีแต่ความรู้สึกสบายใจมากๆค่ะ เราคือคนที่เต็มที่กับความรักมากๆกันทั้งคู่ และให้ความสำคัญกับคนที่เรารักเสมอ จากความผิดหวังในความรักที่ผ่านมา ทำให้เรากลัวการเริ่มต้นใหม่ กลัวความผิดหวัง โดนหักหลัง และกลัวเสียใจมากๆ แต่พอได้มารู้จักกัน เราใช้เวลาค่อยๆเปิดใจ รักอย่างมีสติ บาลานซ์ความสัมพันธ์ดีๆ ให้เกียรติ เรียนรู้ และปรับตัวเข้าหากันจนวันนี้ เราซัพพอร์ตกันในทุกเส้นทางของชีวิต ไม่ว่าเราหรือเค้าจะทำอะไร ก็จะคอยอยู่ข้างๆให้กำลังใจกันเสมอ อย่างเส้นทางครั้งนี้ ในการกลับมาเป็นศิลปินของป้อปปี้ พี่เค้าก็คอยซัพพอร์ตตั้งแต่ก้าวแรกจนวันนี้เลยค่ะ สำหรับรักครั้งนี้คบกันมาประมาณ 1 ปีกว่าๆ อายุห่างกันประมาณ 10 ปีค่ะ เป็นความพอดีที่ลงตัวมากๆ เรา2คนผ่านประสบการณ์ความรักทั้งสมหวังและผิดหวังกันมาทั้งคู่ จนตอนนี้ที่มาเจอกัน เราเรียนรู้จากความผิดหวังต่างๆที่ผ่านมา ทำให้เรามีมุมมองความรักที่อยู่บนความเป็นจริง และให้เกียรติซึ่งกันและกันเป็นอย่างดีเลยค่ะ เรื่องอนาคต เคยถามกันว่า ถ้าเรามองถึงอนาคต เราตั้งใจวางแผนเรื่องความมั่นคงในชีวิตของเราทั้งคู่ก่อน แล้วถึงวันที่เราพร้อม หนูเชื่อว่าเราจะสามารถอยู่ดูแลกันได้เป็นคู่ชีวิตที่ดีต่อกัน อาจจะอีก3-4 ปี ค่อยๆอยู่ดูแลกันไป เราจะเป็นคู่ชีวิตที่ดีของกันและกัน เราคุยกันตลอดว่า ความรักไม่ใช่แค่เรื่องของคน2คน เราเลยมองภาพกว้างมากๆ ทั้งครอบครัว คนรอบตัวพี่เค้าและคนรอบตัวที่สำคัญมากๆในชีวิตเรา เราให้เกียรติและใช้ทุกๆวันเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความตั้งใจรักของเรา2คนจริงๆ ณ วันนี้ สมรสเท่าเทียมได้เกิดขึ้นแล้ว กฎหมายรองรับ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีมากๆสำหรับทุกๆคู่ LGBTQIA+ เราได้แสดงถึงความเท่าเทียมในสังคม ทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่มากๆ หนูในฐานะคู่รักอีก1คู่ รู้สึกภูมิใจในความรักที่ไม่มีการแบ่งแยก เป็นความรักที่บริสุทธิ์ ไม่ว่าเราจะเป็นใคร เพศไหน ทุกคนเท่าเทียมกันจริงๆ ทำให้เราได้มองถึงอนาคตร่วมกันอย่างจริงจัง ด้วยความมั่นใจ และมั่นคงมากยิ่งขึ้น ถ้ามีโอกาสได้แต่งงาน หนูถือว่า เป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ในฐานะคนรัก คู่ชีวิต และการให้เกียรติคนในครอบครัวของเราทั้งคู่เช่นกัน แต่สุดท้ายแล้ว การแต่งงาน ก็ไม่ใช่ตัวการันตีถึงชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ เพราะการมีคู่ชีวิตที่จะอยู่ด้วยกันไปตลอด ขึ้นอยู่กับการประคับประคองความสัมพันธ์ของคน2คน ว่าจะจับมือกันผ่านอุปสรรคต่างๆไปได้ไหม ไม่ว่าจะผ่านเรื่องดีหรือร้ายในชีวิต จะยังอยู่เป็นความสุขของกันและกันไหมมากกว่า หนูเชื่อว่า สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่เป็นห่วงมากที่สุด คือการที่เราจะมีคู่ครองในชีวิตที่รัก ซื่อสัตย์ ให้เกียรติ และสามารถดูแลเราต่อไปในอนาคต ถ้าลูกมีความสุขและมั่นคงจริงๆ คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็จะหมดห่วงค่ะ การสมรสเท่าเทียม ดีมากเลยค่ะ มันเป็นส่วนที่สำคัญมากๆสำหรับทุกๆคู่รัก และแสดงถึงความเท่าเทียมและเปิดกว้างของสังคมไทยเราได้ดีมาก ดีใจกับทุกๆคนมากจริงๆค่ะ”

 


Spread the love