CBNTchannel

Connecting the world for you, clearer than ever. Never miss the world's movement.

Other

วี เวนเจอร์ส ในเครือ TTA จับมือ DITTO ร่วมขับเคลื่อนโครงการปลูกป่าชายเลน

Spread the love

วี เวนเจอร์ส ในเครือ TTA จับมือ DITTO ร่วมขับเคลื่อนโครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อบลูคาร์บอนเครดิต มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero Emissions

บริษัท วี เวนเจอร์ส เทคโนโลยี จำกัด (VVT) บริษัทในเครือ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA นำโดย คุณเฉลิมชัย มหากิจศิริ (ที่ 2 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคุณคทารัฐ สุขแสวง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่การเงิน (ที่ 1 จากซ้าย) ร่วมลงนามในสัญญาความร่วมมือกับ บริษัท สยาม ทีซี เทคโนโลยี จำกัด บริษัทในเครือ บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO นำโดย คุณฐกร รัตนกมลพร (ที่ 2 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคุณชัยทัด กุลโชควณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน (ที่ 1 จากขวา) เพื่อริเริ่ม ‘โครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อบลูคาร์บอนเครดิต’ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ภายใต้ความร่วมมือนี้ โครงการจะดำเนินการในพื้นที่ ป่าชายเลน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งดูดซับก๊าซเรือนกระจกทางธรรมชาติที่สำคัญของประเทศไทย โดย TTA และ DITTO ได้ร่วมกันกำหนดพื้นที่ดำเนินโครงการ รวม 740 ไร่ พร้อมมุ่งสู่เป้าหมายสูงสุดในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยมีขีดความสามารถสูงสุด (Maximum Capacity) ของพื้นที่โครงการที่คาดว่าจะลด/กักเก็บปริมาณก๊าซเรือนกระจกอยู่ที่ประมาณ 34,785 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าตลอดระยะเวลาโครงการ 5 ปี (อ้างอิงตามมาตรฐานการประมาณการของโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย มาตรฐาน (Standard T-VER) โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก)

โดย TTA ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตให้มีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมทั้งวางแผนขยายขอบเขตการดำเนินงาน เพื่อให้สามารถใช้ศักยภาพดังกล่าวได้อย่างเต็มรูปแบบในอนาคต ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของโครงการให้สามารถดูดซับก๊าซเรือนกระจกได้ในระดับที่เทียบเท่ากับต้นไม้กว่า 500,000 ต้น

โครงการนี้สอดคล้องกับเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของ TTA ในการบรรลุ Carbon Neutrality ภายในปี พ.ศ. 2593 (หรือค.ศ. 2050) และ Net Zero Emissions ภายในปี ค.ศ. 2065 พร้อมสนับสนุนแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งในระดับประเทศและระดับสากล เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน


Spread the love
error: Content is protected !!