“ไอ-ครีม โซลูชั่นส์” ผนึกกำลัง “เจเอโอ กรุ๊ป” เปิดจัตุรัส Piazza Italy ในงาน THAIFEX HOREC ASIA 2025
“ไอ-ครีม โซลูชั่นส์” ผนึกกำลัง “เจเอโอ กรุ๊ป” เปิดจัตุรัส Piazza Italy ในงาน THAIFEX HOREC ASIA 2025 ครั้งแรกที่รวมแบรนด์ดังผู้ผลิตเครื่องไอศกรีมไว้มากที่สุด พร้อมยกระดับตลาดเจลาโต้ ผนึกกำลังปั้นโรงเรียนหลักสูตร การันตีดีกรีจากอิตาลี
“ไอ-ครีม โซลูชั่นส์” ผู้เชี่ยวชาญและนำเข้าเครื่องจักร วัตถุดิบ อุปกรณ์ ด้านเจลาโต้ และไอศกรีม ชั้นนำของเมืองไทย ร่วมผนึกกำลัง “เจเอโอ กรุ๊ป” ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาร้านอาหารชั้นนำ นำองค์ความรู้ของ 2 องค์กร ต่อยอดปั้นหลักสูตรแห่งอนาคตด้านการทำไอศกรีมเจลาโต้ ที่ผู้เรียนจะได้ใบรับรองจากสถาบันชื่อดังจากประเทศอิตาลี หวังเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ช่วยบุกตลาดกลุ่มใหม่ เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีใจรักการทำไอศกรีม คาดการณ์ช่วยกระตุ้นการรับรู้สู่กลุ่มเป้าหมาย
นายสมศักดิ ยงใจยุธ กรรมการผู้จัดการ i-Cream Solutions กล่าวว่า บริษัทฯ เราเริ่มต้นขึ้นในปี 2552 จาก ดีมานด์ในตลาดไอศกรีมไทยที่เริ่มต้นมีไม่มาก เพราะหากย้อนกลับไป คนส่วนใหญ่จะรู้จักแบรนด์ไอศกรีมเพียงไม่กี่แบรนด์ แต่เราเริ่มต้นบุกตลาดไอศกรีมเจลาโต้ ที่ถือว่าเป็นนิช มาร์เก็ตในขณะนั้น ด้วยความที่เห็นช่องทางการทำตลาด และในขณะนั้น เราก็เริ่มต้นครั้งแรกที่งาน THAIFEX ซึ่งก็ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดี จากกลุ่มผู้ชื่นชอบการทำไอศกรีม จากวันนั้นเอง เรามองว่าเราไม่ได้เป็นผู้ผลักดันสินค้าให้กับลูกค้าเพียงอย่างเดียว แต่เราเรียนรู้ว่า ในบางครั้ง เราก็เรียนรู้จากความต้องการของลูกค้า จนทำให้ในวันนี้เราเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟ แบรนด์เครื่องจักร วัตถุดิบ และอุปกรณ์ด้านเจลาโต้ และไอศกรีม มากที่สุดในเมืองไทย การมาร่วม THAIFEX HOREC ASIA 2025 ในปีนี้ เราจึงเชิญทางแบรนด์ที่เป็นพาร์ทเนอร์กับเรามาอย่างยาวนาน มาร่วมกันเฉลิมฉลองพร้อมกันไว้มากที่สุด ในคอนเซ็ปต์ Piazza Italy หรือจัตุรัสที่เรามักจะเห็นตามเมืองใหญ่ๆ ในอิตาลี มารวมไว้ที่นี่
ด้าน นางสาวอนุษฐา เชาว์วิศิษฐ กรรมการผู้จัดการ JAO Group (เจเอโอ กรุ๊ป) ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาและร้านอาหารชั้นนำ หนึ่งในพาร์ทเนอร์หลักที่มาร่วมงานภายในวันนี้ นอกเหนือจากการนำแบรนด์มาร่วมแสดงภายในงาน ยังเล่าถึงโปรเจ็กต์การร่วมมือสำคัญในครั้งนี้ด้วยว่า ทาง i-Cream Solutions ที่มีคลาสที่เป็นการสอนผู้ที่สนใจมาเรียนการทำไอศกรีมอยู่แล้วมายาวนาน เราจึงมานั่งตกผลึกกันว่า เพื่อเป็นการยกระดับ เราจึงอยากทำสิ่งนี้อย่างจริงจัง โดยอยู่ในขั้นตอนการจัดทำหลักสูตรและจัดตั้งเป็นโรงเรียนสอนการทำไอศกรีม เจลาโต้แห่งแรกที่นักเรียนจะได้เรียนรู้การทำจากมาสเตอร์เชฟ ที่บินตรงมาเพื่อสอนเทคนิคโดยเฉพาะ โดยผู้เรียนนอกเหนือที่จะได้ความรู้กลับไป ยังจะได้ใบรับรองจากทางอิตาลีอีกด้วย ซึ่งอยากให้ติดตามเพราะโปรเจ็คต์นี้ ถือว่าน่าตื่นเต้นและเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้
นางสาวอนุษฐา กล่าวเพิ่มเติมถึง แบรนด์ไอศกรีม Azabu Sabo (อาซาบุ ซาโบ) แบรนด์เจลาโต้แท้สัญชาติญี่ปุ่น ที่ทางเจเอโอ กรุ๊ป ถือลิขสิทธิ์ในการทำตลาดในประเทศไทยด้วยว่า ตลอด 7 ปีที่เราได้เปิดแบรนด์ครั้งแรกที่ห้างสยามทาคาชิมายะ ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีอย่างมาก จนทำให้เราสามารถขยายสาขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และยังเป็นที่สนใจจากทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยว ด้วยความที่ไอศกรีมเป็นสินค้าที่ต้องสร้างดีมานด์ เราจึงสร้างสรรค์รสชาติใหม่ๆ ให้กลุ่มลูกค้าสามารถทานรสชาติอื่นๆ ด้วย นอกเหนือจากรสชาติที่ชื่นชอบในการทานเป็นประจำ โดยในงาน THAIFEX HOREC ASIA 2025 เอง เราก็มีรสชาติใหม่ๆ อาทิ Double Cheese (ดับเบิ้ลชีส), Chocolate Dubai (ช็อคโกแลต ดูไบ) และ Pitchachio (พิตชาชิโอ) ที่เป็นการผสานระหว่างพิทาชิโอและชา เปิดตัวให้ได้ชิมภายในงาน นอกจากนั้น ยังเตรียมเปิดสาขาใหม่ล่าสุดที่ MITSUKOSHI DEPACHIKA ศูนย์การค้าวันแบงค็อก ในวันที่ 13 มีนาคมนี้อีกด้วย
สำหรับตลาดไอศกรีมของทาง Azabu Sabo เอง เราถือเป็นผู้เล่นในส่วนของนิช มาร์เก็ต เนื่องด้วยทางแบรนด์เรามีความพิถีพิถันในการผลิต ดังนั้นการวางตำแหน่งของแบรนด์จึงเป็นคราฟท์ไอศกรีม ที่มีกำลังการผลิตที่จำกัด ไม่ได้เป็นกระบวนการผลิตแบบแมสไอศกรีม ดังนั้น ตัวเลขยอดขายจะไม่ได้ไปแข่งขันอยู่ในตลาดแมสที่มีมูลค่าสูงกว่า 13,000 ล้านบาท แต่ก็ถือว่าได้ผลตอบรับที่น่าพอใจ จากตลอด 7 ปีที่ผ่านมา บวกกับปัจจัยที่คนไทยมีความรู้เรื่องมัทฉะค่อนข้างกว้างในปัจจุบัน กลุ่มลูกค้าเราจะทราบอยู่แล้วว่าเราใช้วัตถุดิบจากญี่ปุ่นและเป็นไอศกรีมเกรดพรีเมียม ทำให้ลูกค้าประจำรวมทั้งนักท่องเที่ยวที่รู้จักแบรนด์อยู่แล้ว ตัดสินใจซื้อได้โดยไม่ลังเล แต่ทั้งนี้ เราก็ใส่ใจในการควบคุมคุณภาพของทางแบรนด์อยู่อย่างสม่ำเสมอ นางสาวอนุษฐา กล่าวทิ้งท้าย