CBNTchannel

Connecting the world for you, clearer than ever. Never miss the world's movement.

Health and Wellness Lifestyle

ปวดท้องน้อย อย่าปล่อยผ่าน!! สัญญาณเตือนเสี่ยง “โรคช็อกโกแลตซีสต์”

Spread the love

ปวดท้องน้อย อย่าปล่อยผ่าน!! สัญญาณเตือนเสี่ยง “โรคช็อกโกแลตซีสต์” รู้เร็ว รักษาไว ไม่พลาดโอกาสดี ๆ ในชีวิต

เตือนสาว ๆ อย่าคิดว่าอาการปวดท้องน้อย ปวดท้องมากเมื่อมีประจำเดือนเป็นเรื่องปกติ  หยุด!! ทน รอให้หายเอง ถึงเวลาแล้วที่ผู้หญิงยุคใหม่ต้องดูแลตัวเอง เช็กด่วนร่างกายคุณอาจกำลังส่งสัญญาณเตือนเสี่ยง! เป็นช็อกโกแลตซีสต์ หรือ โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

แพทย์หญิงสาวิตรี สุวิกรม หัวหน้ากลุ่มงานสูติ-นรีเวชกรรม โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ให้ความรู้ในงานเสวนาสุขภาพ Healthy Up! Talk” ในหัวข้อ “ปวดท้องน้อย อย่าปล่อยผ่านกับโรคช็อกโกแลตซีสต์” โดยมี แพทย์หญิงปานียา สูตะบุตร ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งงานเสาวนาจัดขึ้นภายในงานเดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพ “Healthy Up! Run 2024”  เมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ สวนเบญจกิติ เขตคลองเตย กรุงเทพฯ

รู้จักโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่หรือช็อกโกแลตซีสต์

สาเหตุของโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เกิดจากภาวะประจำเดือนไหลย้อนกลับเข้าไปในช่องท้อง ซึ่งประจำเดือนเหล่านี้มีเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูก’ อยู่ด้วย เมื่อไปเกาะอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งก็อาจเจริญเติบโต เกิดเป็นพังผืด อาทิ สะสมอยู่ในรังไข่จนเกิดเป็นก้อนสีดำคล้ำ คล้ายช็อกโกแลต จึงมักเรียกกันว่า ‘ถุงน้ำช็อกโกแลต’ หรือ ‘ช็อกโกแลตซีสต์’

ภัยเงียบที่ผู้หญิงควรสังเกตอาการตัวเอง

สัญญาณเตือนภัยของโรคที่ผู้หญิงควรสังเกตตนเอง ได้แก่ 1) ปวดท้องประจำเดือนที่มากกว่าปกติ  มีอาการปวดขณะมีประจำเดือนและปวดมากขึ้นเมื่อมีประจำเดือน และอาจรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในรอบเดือนถัด ๆ ไป 2) ปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ โดยจะมีอาการเจ็บลึก ๆ ระหว่างหรือหลังมีเพศสัมพันธ์ 3) ปวดอุ้งเชิงกราน โดยมีอาการปวดขณะไม่มีประจำเดือน และมีอาการปวดเรื้อรังผิดปกติ 4) ประสบภาวะมีบุตรยาก เนื่องจากโรคนี้มักจะทำให้เกิดพังผืดในอุ้งเชิงกราน บางรายเป็นมากจนทำให้เกิดการอุดตันของท่อนำไข่ทั้งสองข้าง ไม่สามารถมีบุตรเองได้โดยวิธีธรรมชาติ

อาการปวดท้องประจำเดือนนับเป็นหนึ่งความทุกข์ของผู้หญิงไม่เพียงทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลง แต่ยังกระทบต่อหน้าที่การทำงาน หรือการเรียน แม้กระทั่งพลาดโอกาสที่จะทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องการได้

ดังนั้น หากพบอาการเหล่านี้ ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงควรรีบปรึกษาสูตินรีแพทย์และเข้ารับการตรวจวินิจฉัย และไม่ต้องกังวลกับการตรวจ เพราะการวินิจฉัยโรคช็อกโกแลตซีสต์ทำได้หลายวิธี  ตั้งแต่การซักประวัติ รวมไปถึงการตรวจร่างกายและการตรวจภายใน หรือการทำอัลตราซาวด์มาประกอบการวินิจฉัยเพิ่มเติม เพื่อประเมินขนาดและตำแหน่งของโรค

วิธีการรักษา    

สิ่งสำคัญคือการได้รับการวินิจฉัยที่เร็ว ก็จะได้รับการรักษาที่เร็วไปด้วย ซึ่งแนวทางการรักษาโรคช็อกโกแลตซีสต์ในปัจจุบันหลัก ๆ การรักษามีอยู่ 3 แนวทางได้แก่ 1) การรักษาด้วยยา 2) การรักษาด้วยการผ่าตัด และ 3) การรักษาร่วมกันระหว่างการให้ยาและการผ่าตัด

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการป้องกันการเกิดโรคนี้ ดังนั้น หากมีอาการที่สงสัยควรรีบปรึกษาสูตินรีแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาโรค ทั้งนี้สำหรับกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดไปแล้ว ก็ยังมีโอกาสการกลับเป็นซ้ำได้ ดังนั้นแพทย์จะเป็นผู้วางแผนการักษาเพื่อช่วยป้องกันการเกิดการกลับเป็นซ้ำของโรคได้ในระยะยาว


Spread the love
error: Content is protected !!